ยักษ์ลงทุน – เมื่อวันที่ 26 – 27 พ.ค.65 ที่ผ่านมา ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) พร้อมคณะผู้บริหารได้เดินทางเยี่ยมชมความคืบหน้าการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น สำหรับการลงทุนโครงการ Ukujima Mega Solar Project เกาะ Ukujima เมือง Sasebo จังหวัด Nagasaki ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 480 เมกะวัตต์ (MW) งบการลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 178,758 ล้านเยน หรือประมาณ 60,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 17.92% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 9,000 ล้านเยน หรือประมาณ 2,700 ล้านบาท นั้น มีความคืบหน้าในการก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่กำหนด โดยในส่วนของโครงการโซลาร์ยกสูงเพื่อประกอบเกษตรกรรมด้านล่าง ขนาด 650 กิโลวัตต์ ที่เป็นโครงการตัวอย่างนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 65 นี้
ทั้งนี้ ในฐานะที่โครงการ Ukujima Mega Solar Project เป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และมีการเดินสายไฟฟ้าใต้น้ำยาวที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยมีความยาวกว่า 64 กิโลเมตร ใต้ทะเลจากเกาะ Ukujima ไปยังเกาะ Kyushu นั้น ทางดร. วันดี และผู้ร่วมลงทุนได้เห็นถึงความสำคัญของความปลอดภัยในการดำเนินงาน โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการประมงท้องถิ่น จึงได้มีการจัดทำการสำรวจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินสายไฟฟ้าดังกล่าวอย่างละเอียด ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.65 นี้ และมีกำหนดขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ปี 67 ตามกำหนดการ
ในส่วนของการลงทุนโครงการ Fukuoka Miyako Mega Solar เมือง Miyako จังหวัด Fukuoka ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 67 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็น North Phase 23 เมกะวัตต์ (MW) และ South Phase 44 เมกะวัตต์ (MW) งบการลงทุนทั้งสิ้น 23,493 ล้านเยน หรือ ประมาณ 6,744 ล้านบาท โดย SPCG ถือหุ้น 10% คิดเป็นเงินจำนวน 314 ล้านเยน หรือประมาณ 91 ล้านบาท นั้น ด้านการก่อสร้างในส่วนของ South Phase 44 เมกะวัตต์ (MW) มีการดำเนินงานได้เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 65 นี้ ในส่วนโครงการด้าน North Phase 23 เมกะวัตต์ (MW) ได้ดำเนินการ COD เป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงเดือน ก.ค. ปี 64 ที่ผ่านมา โดยมีผลประกอบการดีกว่าที่คาดการณ์
“ภายหลังจากได้มีการพบปะกับผู้บริหารของบริษัทร่วมทุนและเยี่ยมชมความคืบหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์ม ณ ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ทาง SPCG คาดว่าจะมีการหารือเพื่อร่วมลงทุนในประเทศญี่ปุ่นต่อไป เพื่อตอบสนองและสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น ในการมุ่งสู่การเป็น Carbon Neutral ในปี พ.ศ. 93 (2050)” ดร.วันดี กล่าว