NEWS

MCS ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ชูวิสัยทัศน์ ‘เติบโตก้าวไกล เติบใหญ่ยั่งยืน’ พร้อมลุยปิดดีลใหม่ต่อเนื่อง

ยักษ์ลงทุน – MCS ก้าวสู่ปีที่ 30 อย่างสง่างาม ขึ้นแท่นผู้นำเหล็กโครงสร้างระดับ S Class 1 ใน 10 บริษัทในญี่ปุ่น พร้อมเดินเกมปิดดีลบิ๊กออเดอร์หนุนการเติบโตรอบใหม่ ด้านผู้บริหาร ดร.ไนยวน ชิ มั่นใจตุนแบ็คล็อกเพียงพอต่อการเติบโตอย่างน้อยในระยะ 5 ปีนับจากนี้ พร้อมเปิดวิสัยทัศน์สอดรับทศวรรษที่ 3 มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เร่งพัฒนาบุคลากร ดึงนวัตกรรม-เทคโนโลยีหนุนธุรกิจสู่อุตสาหกรรม New S Curve

ดร.ไนยวน  ชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) (MCS) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจการผลิตและจำหน่ายโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ (Structure Steel Fabrication) บริษัทได้วางเป้าหมายการเติบโตรอบใหม่ด้วยการเร่งเจรจาเซ็นสัญญางานเพิ่มเติมอีกหลายโปรเจกต์ โดยล่าสุดได้เซ็นสัญญารับจ้างการผลิตใหม่ 8 โครงการ อีกทั้งอยู่ระหว่างการเจรจาโครงการใหม่ซึ่งคาดว่ามีโอกาสได้เซ็นสัญญาสูง และงานในมือที่เตรียมทยอยส่งมอบในช่วง 5 ปีนับจากนี้รวมแล้วกว่า 260,000 ตัน ถือเป็นสัดส่วนงานในมือที่มีปริมาณสูงเพียงพอต่อการเติบโตรอบใหม่ ขณะเดียวกันบริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรองรับงานใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูงและเตรียมเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากแนวโน้มการขยายตัวของอาคารสูงในประเทศญี่ปุ่นคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในระยะ 5 ปีนับจากนี้ และอานิสงส์จากการที่บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญติด 1 ใน 10 ของประเทศญี่ปุ่น จึงเชื่อว่าจะมีโปรเจกต์ใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

“เอ็มซีเอสในปีที่ 30 และกำลังก้าวสู่ปีที่ 31 การเติบโตของบริษัทเกิดจากการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้เอ็มซีเอสสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าในทุกโครงการที่ได้เซ็นสัญญา ดังนั้นหากเราจะโตเพื่อก้าวไปข้างหน้าให้ได้ไกลขึ้น เกิดความยั่งยืนในธุรกิจมากขึ้น จำเป็นต้องเร่งพัฒนาหลายด้านทั้งเทคโนโลยี คน นวัตกรรม ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทำการพัฒนาแล้วมีทั้งการติดตั้งห้อง War Room เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการบริหารงาน ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลและสถานะของโครงการได้ทันทีและตลอดเวลา รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยีด้วยการการนำระบบไอทีมาใช้โดยให้พนักงานทุกคนส่งข้อมูลผ่าน Tablet เพื่องดการใช้เอกสาร (paperless) การนำโปรแกรมแบบ แบบ 3 มิติ (3D) มาใช้เพื่อให้ช่างสามารถดูงาน ดูแบบของโครงการให้เห็นภาพรวมของชิ้นงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และรองรับงานใหม่ที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งการพัฒนาเราจะทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ธุรกิจโครงสร้างเหล็กของเอ็มซีเอส ก้าวสู่ S Curve ใหม่ช่วยสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ในอนาคต  ” ดร.ไนยวน ชิ กล่าว

ขณะที่โปรเจกต์ที่สร้างชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับตลอด 30 ปีที่ผ่านมาของบริษัทฯ อาทิ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ,  ศูนย์การค้าสยามพารากอน,  โครงการ OH-1 สำนักงานใหญ่ของ Mitsui & Co.,LTD, หนึ่งในบริษัทเทรดดิ้งยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นและมีชื่อเสียงระดับโลก, ท่าอากาศยานฮาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น, โครงการคิโออิโช (Kioicho) อาคารสูง 36 ชั้นกลางมหานครโตเกียวเป็นศูนย์รวมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ โรงแรม ร้านอาหารชั้นนำและศูนย์การค้าและล่าสุดกับโครงการ Toranomon Azabudai อาคารสูงที่สุดในโตเกียว ณ ปัจจุบันได้รับการจัดอันดับอาคารสีเขียวในระดับแพลตินัม ประเภท ND.LEED จาก US Green Building Council (USGBC) ที่ประเมินรองรับอาคารและเมืองทั่วโลก

ทั้งนี้จุดเริ่มต้นของบริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน)  บริษัทได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2535 ด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 15 ล้านบาท โดยช่วงแรกบริษัทมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตโครงสร้างเหล็กทั่วไปสำหรับอาคาร จากนั้นจึงขยายธุรกิจสู่ประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในปี 2538 ในธุรกิจโครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่จนเป็นที่ยอมรับของบริษัทในญี่ปุ่นจำนวนมากจวบจนปัจจุบัน และในปี 2548 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้วยการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯขยายธุรกิจ หนุนความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนในการนำพาบริษัทก้าวสู่ความมั่นคง และในปี 2565 เข้าสู่วาระครบรอบ 30 ปี อีกก้าวสำคัญของขวบปีที่บริษัทพร้อมมุ่งมั่นให้เกิดการเติบโตก้าวไกล เติบใหญ่อย่างยั่งยืน จากการดึงเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อผลักดันธุรกิจเข้าสู่อุตสาหกรรม New S Curve

ใส่ความเห็น