ยักษ์ลงทุน – CHOW รับปี 65 เป็นปีทองทางธุรกิจ หลังไตรมาสแรกฟันกำไรขายโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่นกว่า 1,400 ลบ. พลิกจากขาดทุน 65.17 ลบ.มาเป็นกำไรกว่า 1,200 ลบ. ด้าน IBD/E ลดวูบจาก 10 เท่าเหลือ 1.03 เท่า หนุนฐานทุนสุดแกร่ง ส่งสัญญาณลุยขยายธุรกิจปัจจุบันและแตกไลน์ธุรกิจใหม่เต็มกำลัง หวังดันรายได้และกำไรทะยานต่อระยะยาว ส่วนปีนี้คาดรายได้ 6 เดือนแรกจะชนะยอดขายของปีที่แล้วทั้งปี
นายปรมัตถ์ จุฬวนิช ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (CFO) บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศ และธุรกิจพลังงานทดแทน ประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) บริษัทย่อย เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1/65 บริษัทฯ มีผลประกอบการพลิกจากขาดทุน 65.17 ล้านบาท ในปี 64 มามีกำไรสุทธิ 1,205.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,270.52 ล้านบาท หรือร้อยละ 1,950 โดยมาจากธุรกิจเหล็กเริ่มเปิดเดินสายการผลิตครั้งใหม่ และรับรู้กำไรจากการขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นอีก 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 56.9 เมกะวัตต์ เป็นจำนวนเงินรวม 1,423.46 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจพลังงาน โดย บริษัทฯ ได้ชำระคืนหนี้สินที่ใช้ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าให้กับธนาคารเป็นจำนวนกว่า 6,401.74 ล้านบาท ส่งผลให้หนี้สินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนทุนของบริษัทฯ แข็งแกร่งมากขึ้น โดยอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) ลดลงจาก 10.22 เท่า มาอยู่ที่ระดับ 1.03 เท่า และส่วนทุนเพิ่มขึ้นจาก 815 ล้านบาท มาเป็นกว่า 2,060 ล้านบาท
“แผนธุรกิจพลังงานที่บริษัทฯ ได้วางไว้เริ่มต้นจากการพัฒนาโรงไฟฟ้า ไปจนถึงการขายไฟ และขายโครงการต่อให้กับกองทุนพลังงานในประเทศญี่ปุ่นเพื่อรับรู้กำไรจากการลงทุนทันที โดยไม่ต้องรอรายได้จากการขายไฟจนครบสัญญา ทำให้ CHOW รับรู้รายได้และกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าในอัตราที่น่าพอใจ และพลิกฐานะการเงินของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งขึ้นได้ทันที สามารถขยายธุรกิจ ทั้งธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ได้อย่างคล่องตัว โดยหลังจากนี้ CHOW จะเริ่มลุยขยายธุรกิจอย่างเต็มตัว เพื่อเร่งขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ทั้งธุรกิจเหล็ก ธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างจากเดิมเพื่อต่อยอดทางธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายปรมัตถ์ กล่าว
** เพิ่มไลน์ธุรกิจเหล็กหนุนรายได้โต
ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน CHOW กล่าวต่อถึงธุรกิจเหล็กซึ่งเป็นธุรกิจเดิมของบริษัทฯ ว่า หลังจากนี้พร้อมเดินหน้าผลิตสินค้าป้อนให้กับลูกค้าที่ได้ลงนามในสัญญารับจ้างผลิตเหล็กแท่งยาว (Steel Billets) จำนวน 400,000 ตันต่อปี พร้อมทั้งเตรียมผลิตสินค้าแบบใหม่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น หลังจากการปรับปรุงโรงงานทำให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น ผลิตเหล็กได้หลากหลายประเภท ในเกรดที่มีคุณภาพสูง และต้นทุนลดลง นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มหน่วยธุรกิจใหม่เป็นกลุ่มเทรดดิ้ง หรือซื้อมาขายไปเพิ่มขึ้นในกลุ่มวัตถุดิบ และเหล็กต่าง ๆ เนื่องจากมีบุคลากรที่มีความสามารถ และมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า โดยในไตรมาสที่ 1/65 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจเทรดดิ้งเริ่มมีรายได้ 133.4 ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในอนาคต
** พลังงานบุก Solar Rooftop ในประเทศ
ในขณะที่ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในปีนี้ CHOW ได้หันมาเพิ่มความสำคัญให้กับตลาดในประเทศทั้งตลาดรายย่อย และรายใหญ่เพิ่มขึ้น โดยตลาดรายย่อยได้ขยายธุรกิจผ่านบริษัท เชาว์ แอนด์ ฮาโก้ โซลาร์ จำกัด ในขนาดติดตั้งไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ ปัจจุบันได้เปิดช่องทางขายผ่านกลุ่มโมเดิร์นเทรด ส่วนตลาดรายใหญ่ที่ทำตลาดผ่าน บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมีโครงการระหว่างพัฒนาในมือ 47 เมกะวัตต์ และมีเป้าหมายจะเพิ่มขึ้นเป็น 70 เมกะวัตต์ภายในปีนี้ สำหรับตลาดต่างประเทศ บริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นและออสเตรเลียที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและระหว่างการพัฒนารวมกันประมาณ 275 เมกะวัตต์
** มั่นใจเหมืองขุดคริปโตเคอร์เรนซี่ มีอนาคต
นายปรมัตถ์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 2/65 ซึ่ง ประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ 13 พ.ค.65 มีมติอนุมัติให้ลงทุนในธุรกิจเหมืองขุดคริปโตเคอร์เรนซี่ (Cryptocurrency Mining) ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่ทางบริษัทฯ ได้ศึกษาข้อมูลมาอย่างถี่ถ้วน และเล็งเห็นว่าเป็นธุรกิจการลงทุนที่มีศักยภาพและให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต โดยกำหนดมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นไม่เกิน 150 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดซื้อ เครื่องขุด
คริปโตเคอร์เรนซี่ ซึ่งจะเริ่มทยอยลงทุนภายในไตร มาสที่ 2 ปี 65 นั้น ถือเป็นธุรกิจอนาคตที่บริษัทฯ คาดหวังจะสร้างโอกาสให้บุคลากรได้เรียนรู้ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อหาช่องทางในการสร้างรายได้ที่มั่นคงในอนาคต โดยปัจจุบันบริษัทได้ทยอยลงทุนติดตั้งเครื่องขุดและเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่นี้แล้ว โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง และคืนทุนได้ภายใน 2 ปีเท่านั้น
” ฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้นทำให้ CHOW ขยายธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ทั้งจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ เอง และการสนับสนุนด้านสินเชื่อจากธนาคารชั้นนำ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรที่มีความสามารถ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และซับพลายเชนที่เข้มแข็ง ซึ่งความพร้อมเหล่านี้จะทำให้ CHOW สามารถขยายธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยสร้างรายได้และกำไรให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และสำหรับปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะทำรายได้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุกหน่วยธุรกิจ โดย 6 เดือนแรกจะชนะยอดขายของปีที่แล้วทั้งปี”