ยักษ์ลงทุน – บมจ. ไซมิส แอสเสท (SA) ส่งบริษัทย่อย “ไฮบริด คิทเช่น” จับมือพันธมิตร Food & Beverage แบรนด์ดัง อาทิ DOMINO’S PIZZA , KAGONOYA , SUBWAY และ Food Caravan ให้เช่าพื้นที่ครัวพร้อมอุปกรณ์ (ธุรกิจCloud Kitchen) ทั้งรูปแบบ Shop และ Cloud Kitchen ตอบรับกระแส Food Delivery โตแรงต่อเนื่อง ฟากซีอีโอ “ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ” ระบุตั้งเป้าเปิด 86 สาขาในปีนี้ และขยายจนครบ 494 สาขาภายในปี 2569 สนับสนุนแผนกระจายความเสี่ยงพร้อมเพิ่มฐานรายได้ประจำให้เติบโตแข็งแกร่ง ประเมินรายได้ปี 65 โตเข้าเป้าที่ระดับ 4,500-4,900 ล้านบาท
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ เปิดเผยว่า บริษัท ไฮบริด คิทเช่น จำกัด (Hybrid Kitchen) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในธุรกิจ Food & Beverage ของบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาบริการกับธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ดัง ประกอบด้วย ร้านพิซซ่าภายใต้ชื่อทางการค้า DOMINO’S PIZZA ในประเทศไทย, ร้านชาบูบุฟเฟต์แบรนด์ KAGONOYA , ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเครือข่ายใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอย่าง SUBWAY และกลุ่ม Food Caravan ประกอบด้วยแบรนด์ดังมากมาย อาทิ ครัวเสิร์ฟอิ่มสุข Cloud kitchen Franchise Concept (เสาวรสผัดไทย อร่อยเด็ดไม่ต้องปรุง / กระเพราทอง / โยชิโนะ ดงบุริ / ตำ-ยำแซ่บ ยกอิสาน / ตามสั่งตามใจ) และ Hero Corndog ไส้กรอกชีสเกาหลี / สยามนิยม Thai Antique Drink เป็นต้น เพื่อให้เช่าพื้นที่ครัวพร้อมอุปกรณ์สำหรับการประกอบธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (ธุรกิจ Cloud Kitchen) ทั้งในรูปแบบของ Shop และ Cloud Kitchen เป็นระยะเวลา 6-9 ปี
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าแผนขยายธุรกิจ Cloud Kitchen ภายใน 5 ปี (2565-2569) เปิดสาขาทั้งหมด 494 ประกอบด้วย 1,976 ร้านค้า สาขาครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเริ่มจากปี 2565 เตรียมเปิดจำนวน 86 สาขา ประกอบด้วย 344 ร้านค้า พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้ภายใน 5 ปี เติบโตอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท
“บริษัทฯ ก่อตั้งธุรกิจ Cloud Kitchen โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ ลดต้นทุนในการก่อสร้าง และเพิ่มความสามารถในการขยายสาขาเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับทำให้รัศมีในการจัดส่งอาหารครอบคลุมผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น และเราเล็งเห็นว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นเมกะเทรนด์ มีความน่าสนใจและสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่มักจะใช้บริการสั่งซื้ออาหารทางออนไลน์พร้อมจัดส่ง (Food Delivery) ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในบางสาขาใช้พื้นที่ที่มีของบริษัทให้เกิดประโยชน์เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้พื้นที่นั้นๆ และเราเชื่อมั่นว่าธุรกิจ Cloud Kitchen จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับกระจายความเสี่ยงจากการรับรู้รายได้จากภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้อย่างแน่นอน”