AMR เปิดโมเดลธุรกิจ 3 ปีข้างหน้า มุ่งสู่ The New Chapter สร้างโอกาสเติบโตร่วมกับพันธมิตร แตกไลน์สู่ธุรกิจใหม่ รับเมกะเทรนด์ บิ๊กบอส “มารุต ศิริโก” ประกาศเดินหน้ารุกธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อม รองรับดีมานด์ลูกค้า EV Charging – EV Bike – โซลาร์รูฟ – ระบบท่อน้ำบาดาล ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Smart Cities เผยอยู่ระหว่างหารือพันธมิตรร่วมลงทุนโปรเจค Feeder Line รองรับการขยายตัวของเมือง และธุรกิจท่องเที่ยว แย้มมีหลายโปรเจคที่อยู่ระหว่างการนำเสนอ มั่นใจจะเป็น New S Curve สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน เสริมภูมิคุ้มกันจาก Recurring Income ที่จะเข้ามาในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า โดยวางเป้าภายในปี 68 สัดส่วนรายได้พุ่งขึ้นแตะ 50 : 50 ส่วนผลการดำเนินงานปี 65 มั่นใจรายได้โตทะยาน 40% ตามนัด หลังตุน Backlog กว่า 2 พันล้านบาท พร้อมย้ำ AMR คือผู้นำด้าน System Integrator : SI ครบวงจร ลุยรับงานได้หลากหลายรูปแบบไม่ใช่เฉพาะงานโครงการรถไฟฟ้าเท่านั้น
นายมารุต ศิริโก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) (AMR) ผู้นำด้านวิศวกรรมออกแบบและเชื่อมต่อระบบไอทีโซลูชัน (System Integrator: SI) ครบวงจรรายแรกของไทย เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า ภายใต้ “The New Chapter ก้าวสู่บทใหม่ของ AMR” บริษัทฯ เตรียมที่จะเร่งผลักดันสัดส่วนรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) เพิ่มขึ้น เพื่อขยายฐานแหล่งที่มาของรายได้ สร้างภูมิคุ้มกัน สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต โดยบริษัทฯเตรียมขยายไลน์ธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจด้านพลังงาน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการให้บริการด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม เช่น โปรเจค EV Charging Station EV Bike Platform โซลาร์รูฟท็อป และระบบท่อน้ำบาดาล เป็นต้น
ในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ คาดหวังว่าสัดส่วนรายได้ประจำที่เกิดจากธุรกิจที่เป็น New S Curve จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการขยายไลน์เข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่อยู่ในเมกะเทรนด์ โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2568 สัดส่วนรายได้จากธุรกิจเดิมที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ต่อธุรกิจใหม่ จะขยับเพิ่มขึ้นมาเป็นร้อยละ 50 : 50 จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 92 : 8 โดยมีความคาดหวังว่าในแต่ละปี บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้ให้เติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 20%
อีกทั้งยังมีความพร้อมในการเข้ารุกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงาน Smart Cities สอดรับนโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งคมนาคม รองรับการขยายตัวของเมือง เช่น โครงการ ระบบรางสายรอง (Feeder Line) ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเสนอแนวคิดให้กับหน่วยงานภาครัฐในหลายโครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือกับพันธมิตรในการร่วมมือลงทุน นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการท่องเที่ยวในหัวเมืองท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่ท่องเที่ยวศักยภาพสูง
“AMR คือ ผู้นำด้าน System Integrator หรือ SI แบบครบวงจร สามารถลุยรับงานได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงผู้รับเหมาก่อสร้าง และไม่ได้เน้นรายได้ที่เกิดจากการพึ่งพิงเฉพาะงานโปรเจคที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้า หรืองานประมูล เรามีงานที่หลากหลายรองรับ ทีมงานของ AMR ถือเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในงานระบบหลาย ๆ ด้าน ทำให้โอกาสในการรับงานมีความแตกต่างและหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยแผนงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า เราคาดหวังว่าสัดส่วนรายได้ประจำจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการขยายไลน์เข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่อยู่ในเมกะเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและสิ่งแวดล้อม งานที่เกี่ยวข้องกับ Smart Cities ที่เกี่ยวข้องกับระบบราง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งเราได้มีการหารือร่วมกับพันธมิตรในหลายโครงการ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้ อีกทั้งหลังจากที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ฐานเงินทุนมีความแข็งแกร่ง หนุนให้โอกาสการลงทุนเปิดกว้าง พร้อมเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต”
นอกจาก New S Curve ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังการขยายธุรกิจใหม่ บริษัทฯ ยังได้รับอีกหนึ่งแรงหนุนสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตนับจากนี้ หลังจากที่ บริษัท เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอนยิเนี่ยริ่ง (1994) หรือ AS ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจรับเหมาวิศวกรรมระบบราง เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 23.82% ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างการถือหุ้นจากเดิมเป็นบุคคลธรรมดา คือ กลุ่มอารีกุล สู่นิติบุคคล โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการบริหารงานของบริษัทฯ แต่อย่างใด
“การที่ AS มาถือหุ้นใน AMR เชื่อว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสถาบันและต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากเป็นผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างระบบราง ในขณะที่ AMR มีความเชี่ยวชาญในการวางระบบเดินรถ ทำให้สามารถเกื้อหนุนและเพิ่มศักยภาพให้มีโอกาสรับงานเพิ่มขึ้น”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AMR กล่าวอีกว่า มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ของบริษัทฯ ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 40% เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ประมาณ 2,064 ล้านบาท โดยสัดส่วนหลักมาจากงานวิศวกรรมออกแบบและเชื่อมต่อระบบไอทีโซลูชันแบบครบวงจร (System Integrator: SI) กว่า 70% และส่วนที่เหลือมาจากโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนที่ 1 ที่มีมูลค่าคงเหลือ 469 ล้านบาท และล่าสุดมีงานที่รับเข้ามาเพิ่มเติมคือการปรับเปลี่ยนระบบงานประกันสังคมบนเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม เป็นระบบเว็บแอปพลิเคชัน มูลค่า 364 ล้านบาท