‘บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ MOSHI ผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “Moshi Moshi” ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 คาดเสนอขาย IPO ไม่เกิน 75 ล้านหุ้น เตรียมพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ มุ่งเน้นคุณภาพ สรรสร้างการออกแบบที่เป็นเลิศในราคาที่แข่งขันได้ และคงไว้ซึ่งความนิยมของผู้บริโภคเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของ MOSHI เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า
นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ MOSHI เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งสินค้าไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) รายใหญ่ของประเทศไทย ภายใต้ชื่อทางการค้า “Moshi Moshi” ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหารที่มีในธุรกิจมากว่า 40 ปี ที่มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าโดยยึดหลักการ คือ 1.) Design: การออกแบบ สร้างสรรค์และพัฒนาสินค้า ให้ตรงกับความชอบและการใช้งานของผู้บริโภค 2.) Quality: พัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ใช้งานได้ดี เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า 3.) Price: ราคาสินค้าย่อมเยา เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น และ 4.) Variety: นำเสนอสินค้าที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มความสะดวกและตอบสนองความต้องการ ของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน ทำให้ MOSHI สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับสินค้าที่จัดจำหน่ายส่วนใหญ่ภายในร้านจะเป็นสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ ซึ่งมีการออกแบบเพื่อจำหน่ายในร้านของบริษัทฯ โดยเฉพาะ (Exclusive) นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการพัฒนาและแสวงหาสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีสินค้าหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากถึง 12 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องใช้ในบ้าน (Home Furnishing) กระเป๋า (Bag) เครื่องเขียน (Stationery) ตุ๊กตา (Plush Toy) ของใช้แฟชั่น (Fashion) อุปกรณ์เสริมความงาม (Beauty) เครื่องนุ่งห่ม (Apparel) เครื่องสำอาง (Cosmetic) อุปกรณ์ด้านไอที (IT) ของเล่น (Toy) อาหารและเครื่องดื่ม (Food & Drink) และหมวดอื่นๆ (Others) เช่น หน้ากากผ้า เป็นต้น โดยมีจำนวนสินค้า (SKUs) รวมกว่า 18,000 SKUs (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565)
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางที่หลากหลาย ได้แก่ (1) เครือข่ายสาขาของบริษัทฯ ซึ่งครอบคลุมทุกภูมิภาค ปัจจุบันมีสาขาร้าน Moshi Moshi ที่เปิดดำเนินการทั้งหมด 96 สาขา ครอบคลุม 40 จังหวัด (2) การขายสินค้าผ่านออนไลน์แพลตฟอร์ม (Online Platform) ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Shopee และ Lazada และ (3) ร้านป๊อปอัพ สโตร์ (Pop-up Store) ซึ่งเป็นร้านค้าที่จัดขึ้นชั่วคราวบริเวณพื้นที่ส่วนกลางของห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) โดยมีขนาดพื้นที่สำหรับคลังสินค้าจำนวน 26,500 ตารางเมตรในจังหวัดนครปฐมซึ่งมีความสะดวกต่อการรับ เบิกจ่าย และจัดส่งสินค้าไปยังร้านสาขาของ MOSHI ทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ MOSHI มีการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “เราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเน้นคุณภาพ สรรสร้างการออกแบบที่เป็นเลิศในราคาที่แข่งขันได้ และคงไว้ซึ่งความนิยมของผู้บริโภคเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของ MOSHI เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า” ด้วยประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาอย่างยาวนาน ทำให้บริษัทฯ มีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ขายสินค้า (Supplier) ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าประเภทต่างๆ รวมถึงโครงสร้างต้นทุนของสินค้าแต่ละประเภทเป็นอย่างดี ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถจัดหาผู้ขายสินค้าสำหรับร้าน MOSHI โดยเฉพาะ ซึ่งสามารถรักษามาตรฐานและคุณภาพสินค้าในต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ นอกจากนี้ ด้วยรูปแบบการประกอบธุรกิจที่หลากหลายทั้งการค้าปลีกและการค้าส่ง ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ (1) การเติบโตของจำนวนสาขาร้านค้าปลีกจะช่วยสร้างข้อได้เปรียบในเรื่องปริมาณ (Volume) การสั่งซื้อสินค้า ซึ่งทำให้สามารถเจรจาต่อรองเงื่อนไขต่างๆ รวมถึงส่วนลดจากผู้ขายสินค้า (2) การรับรู้ในแบรนด์สินค้า จากการขยายสาขาไปยังจังหวัดต่างๆ และ (3) อัตราการทำกำไรของธุรกิจค้าปลีกที่มากกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ในขณะที่การจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าประเภทค้าช่วงจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ที่บริษัทฯ ยังไม่มีสาขาให้บริการ
“MOSHI เป็นบริษัทสัญชาติไทย ทำให้เราเข้าใจความชอบของคนไทย และรับรู้ลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยได้เป็นอย่างดี ประกอบกับมีฝ่ายจัดหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง ทำให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มสินค้าใหม่ๆ และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแต่ละปีเรามีสินค้าใหม่ที่ออกจำหน่ายและสินค้าตามเทศกาลมากกว่า 8,000 รายการต่อปี เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและสร้างความแตกต่างจากสินค้าของผู้ประกอบการรายอื่น พร้อมกันนี้ เราได้ทำ Visual Merchandise ซึ่งเป็นหนึ่งกลยุทธ์การจัดแสดงสินค้าภายในร้านเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้า การจัดตกแต่งร้านให้สวยงาม และการจัดแผนผังร้านให้มีพื้นที่ใช้สอยสูงสุด ซึ่งจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้แก่สินค้าแบรนด์ Moshi Moshi และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้ามากขึ้น” นายสง่า กล่าว
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ MOSHI ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ปัจจุบัน MOSHI มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 240 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 240 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 75 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม จำนวนไม่เกิน 15 ล้านหุ้น และเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของเงินลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงภาระหนี้อื่นที่บริษัทฯ อาจมีขึ้นในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มบริษัทฯ