BEM มั่นใจข้อเสนอรถไฟฟ้าสายสีส้มเป็นประโยชน์ต่อรัฐ ก่อสร้างและเปิดบริการได้ตามแผนแน่นอน
ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 รายได้ของบริษัทฯ หายไปกว่า 60% แต่บริษัทฯ ก็ได้ยืนหยัดดำเนินธุรกิจฝ่าช่วงวิกฤตมาอย่างเต็มที่ โดยมีมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างสูงสุดในทุกๆด้าน เพื่อให้ประชาชนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าและทางด่วนมั่นใจในการใช้บริการ และบริษัทฯ ได้จัดทำโครงการต่างๆ เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชน ทั้งโครงการแจกหน้ากากอนามัย มอบวัคซีนไวรัสโควิด-19 และล่าสุดคือ โครงการแจกสเปรย์แอลกอฮอล์ 1 ล้านชิ้น เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้แก่พี่น้องประชาชน นอกจากนี้ ยังได้จัด โครงการ MRT พิชิตTCAS 66 ต่อเนื่องเป็นปี 14 ซึ่งมีน้องๆ เข้าร่วมกว่า 10,000 คน เพื่อให้น้องๆนักเรียนมีโอกาสได้รับความรู้อย่างเต็มที่
ดร.สมบัติ เปิดเผยว่า ในส่วนของผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ปริมาณผู้ใช้ทางด่วน ฟื้นตัวกลับมาเร็วมาก ปัจจุบันมีผู้ใช้ทางเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,100,000 เที่ยว/วันคิดเป็น 90% ของปริมาณผู้ใช้ทางก่อนเกิดโควิด ส่วนรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 320,000 เที่ยว/วัน คิดเป็น 85% ของปริมาณผู้โดยสารก่อนเกิดโควิด คาดว่าภายในสิ้นปีจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า และคาดการณ์ว่าในปีหน้าผู้โดยสารรถไฟฟ้า จะใกล้ 500,000 เที่ยว/วัน เนื่องจากรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินเปิดให้บริการครบทั้งเส้นทาง ประกอบกับการเปิดตัวโครงการใหญ่ๆ ตลอดเส้นทางรถไฟฟ้าทั้ง ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โครงการ One Bangkok , Singha Estate ,Samyan Mitrtown ในส่วนของผลประกอบการบริษัทฯ คาดว่าในปีนี้รายได้ทั้งปี จะอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท กำไรครึ่งปีแรก อยู่ที่ 970 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีกำไร มากกว่าปีที่แล้วแน่นอน
ดร.สมบัติกล่าวว่า ในส่วนของการประมูลร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม รฟม. ได้แจ้งให้บริษัทฯ ทราบถึงผลการประเมินคุณสมบัติและเทคนิคว่า บริษัทฯ ผ่านเกณฑ์ และเสนอผลประโยชน์ให้แก่รัฐ –78,287.95 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินข้อเสนอด้านการเงิน
บริษัทฯ มั่นใจว่าข้อเสนอของบริษัทฯ เป็นไปตามเงื่อนไขและกติกาที่รัฐกำหนด ทั้งในส่วนของข้อกำหนดทางวิศวกรรม (specification) งานโยธาและระบบรถไฟฟ้า วิธีการและเทคนิคการก่อร้างโดยเฉพาะการก่อสร้างงานอุโมงค์และสถานีใต้ดิน ซึ่งเป็นงานก่อสร้างใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ต้องดูแลความปลอดภัยสูงสุด ระบบรถไฟฟ้าที่จัดซื้อมีประสิทธิภาพสูง อายุการใช้งานนาน มาให้บริการแก่ประชาชน และมีข้อเสนอทางการเงินที่เป็นประโยชน์แก่รัฐทั้งในส่วนของเงินสนับสนุนค่างานโยธาที่ต่ำกว่าราคากลาง ทั้งที่หากพิจารณาข้อเท็จจริงพบว่าราคาค่าก่อสร้างในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยบริษัทฯ ก็สามารถแบ่งผลประโยชน์เพิ่มเติมให้แก่ รฟม. ได้
หากบริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้รับสัมปทานฯ บริษัทฯ พร้อมที่จะเริ่มงานได้ทันที โดยมี บมจ.ช.การช่างเป็นพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นอย่างมาก โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าจะเปิดให้บริการส่วนตะวันออกได้ภายใน 3 ปีครึ่ง และส่วนตะวันตกได้ภายใน 6 ปี ตามแผนงานของ รฟม. ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นของบริษัทฯ ที่ทำงานทุกโครงการประสบความสำเร็จ เปิดบริการได้ตามสัญญา เป็นไปตามแผน หรือก่อนแผนเสมอ
ดร.สมบัติกล่าวเสริมว่า สำหรับกรณีที่มีเอกชนบางรายซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการคัดเลือก เปิดเผยว่ามีข้อเสนอที่เป็นประโยชน์แก่ รฟม. มากกว่าที่บริษัทฯ เสนอ ก็เป็นสิทธิของเอกชนรายนั้นจะทำ แต่เนื่องจากการให้ข้อมูลมีการพาดพิงถึงข้อเสนอของบริษัท ซึ่งอาจทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดว่าข้อเสนอของบริษัทฯ ทำให้รัฐเสียประโยชน์ บริษัทฯ จำเป็นต้องชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้จัดทำข้อเสนอที่เป็นประโยชน์แก่รัฐ เข้าร่วมการคัดเลือกภายในเงื่อนไข และกติกาที่รัฐกำหนด การนำข้อเสนอด้านการเงินอื่นซึ่งไม่ทราบว่าอยู่บนเงื่อนไข สมมติฐานใด ผ่านเกณฑ์การประเมินของ รฟม.หรือไม่ มาเปรียบเทียบกับข้อเสนอด้านการเงินของบริษัทฯ คงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้
ดร.สมบัติ ให้ข้อสังเกตว่าที่ผ่านมาทั้งรัฐ เอกชน พูดกันตลอดว่า โครงการรถไฟฟ้าเป็น Infrastructure ขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนสูง หากรัฐไม่ สนับสนุน (Subsidy) ค่างานโยธา เอกชนลงทุนเองทั้งหมดคงไปไม่รอด เห็นได้จาก เริ่มตั้งแต่สายสีเขียว เอกชนที่รับสัมปทานต้องลงทุนทั้งงานโยธาและเดินรถทั้งหมด สุดท้ายก็ไม่ไหว ต้องปรับโครงสร้างหนี้ Hair cut ส่วนสายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีชมพู สีเหลือง รัฐต้องสนับสนุนค่างานโยธาทุกโครงการ หากมีเอกชนบอกว่าสามารถรับดำเนินการสายสีส้ม ซึ่งต้องลงทุนสูงมาก เพราะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน ผลตอบแทนการลงทุนก็ต่ำกว่าสายสีเขียว สีน้ำเงิน ใกล้ๆ กับสีชมพู สีเหลือง โดยแทบไม่ต้องขอรัฐสนับสนุนเลย คงเป็นเรื่องที่แปลกมากว่าทำได้อย่างไร
บริษัทฯ ยังคงมั่นใจว่าข้อเสนอรถไฟฟ้าสายสีส้มของบริษัทฯ เป็นประโยชน์ต่อรัฐ การก่อสร้างและการเปิดบริการ จะต้องประสบผลสำเร็จตามแผน ไม่มีการล่าช้า และต้องมีคุณภาพการบริการแก่ประชาชนที่ดี ตอบแทนคืนกลับสู่สังคมอย่างเต็มที่