ยักษ์ลงทุน – KKP ประเมินคริปโตเคอร์เรนซี ขาดคุณสมบัติของเงิน มีข้อจำกัดในการได้รับการยอมรับ และไม่เอื้อการบริ
คริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrencies) โดยเฉพาะอย่างยิ่งบิตคอยน์ (Bitcoin) เป็นสินทรัพย์ที่มูลค่าเพิ่มสู
อย่างไรก็ตาม KKP Research ประเมินว่าบทบาทของคริปโตเคอร์
ข้อมูลในปัจจุบันชี้ชัดว่าคริ
- คริปโตเคอร์เรนซี ไม่สามารถเป็นสื่
อกลางในการแลกเปลี่ยน ( Medium of Exchange) โดยระยะเวลาในการทำธุรกรรมยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะมีความขัดแย้งกันระหว่างความสามารถในการกระจายอำนาจขอ (Decentralization) และ ความปลอดภัยของระบบ (Security) ทำให้ความสามารถในการทำธุรกรรม (Scalability) ลดลงงระบบ - คริปโตเคอร์เรนซี ไม่สามารถเป็นมาตรฐานในการใช้วั
ดมูลค่า ( Unit of Account) จากความผันผวนเทียบกับเงินสกุลอื่นสูงทำให้ผู้ขายจำเป็นต้ ปัจจุบันจึงมีกลุ่มคนที่ใช้คริองปรับราคาถี่ขึ้นซึ่งเป็ นการเพิ่มต้นทุนต่อเศรษฐกิ จจากทั้งผู้ขายและผู้บริโภค ปโตเคอเรนซี หรือ บิตคอยน์มาเป็นฐานเปรียบเทียบมู ลค่าของสินค้าและบริการน้อยมาก - คริปโตเคอร์เรนซี ไม่สามารถเป็นเครื่องรักษามูลค่
า ( Store of Value) โดยแม้ปริมาณที่จำกัดสามารถรับประกันได้ระดับหนึ่งว่า คริปโตเคอร์เรนซี จะไม่ถูกด้อยค่า ด้วยการเพิ่มอุปทาน แต่มูลค่าพื้นฐานยังขึ้นอยู่กั ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าผู้บความต้องการใช้และประโยชน์ที่ ได้จากการถือเงินสกุลนั้น ๆ ด้วย คนจะเชื่อมั่นในบิตคอยน์ได้ ตลอดไปโดยเฉพาะสถานการณ์เศรษฐกิ จและอัตราดอกเบี้ยที่ยังมี ความไม่แน่นอนสูง เมื่อเปรียบเทียบกับเงินสกุ ลดอลลาร์ ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่ไม่มี การจ่ายดอกเบี้ยที่สามารถทำหน้ าที่เป็นเครื่องมื อในการชำระภาระภาษีได้ และยังถูกยอมรับทั่วโลกเนื่ องมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยั งเกิดกับผู้ที่ต้องชำระภาษีสหรั ฐฯในปริมาณสูง
(2) ผลกระทบต่อเศรษฐกิ
การเปลี่ยนระบบการเงินจากยุคปั
ซึ่งจะสร้างความเสี่
2) การกำหนดให้ปริมาณเงินมีปริ
(3) ทำไมการยอมรับของบิตคอยน์อาจเกิ
ในทางทฤษฎี หากทุกคนยอมรับให้บิตคอยน์ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ย่อมเป็นไปได้ที่บิตคอยน์จะผั
- ต้นทุนธุรกรรมที่จะเพิ่มขึ้นเมื่
อขนาดของระบบใหญ่ขึ้น หากความต้องการในการทำธุรกรรมเพิ่มสูงขึ้นในระบบบิ network มีความแออัดและค่าธรรมเนีตคอยน์จะทำให้ ยมในการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นซึ่ (adoption rate) ลดลงงจะดึงดูดให้จำนวนนักขุดเข้ ามาในระบบมากขึ้นแต่จะทำให้ ความล่าช้าในระบบเพิ่มขึ้นแทน ซึ่งจะทำให้อัตราการใช้บิตคอยน์ - ต้นทุนในการเปลี่ยนไปใช้สกุลเงิ
นใหม่ การเปลี่ยนไปใช้สกุลใหม่ยังมีต้นทุนที่สำคัญ คือ network effect ของสกุลเงินที่ถูกใช้อยู่เป็นประจำ หากสกุลเงินปัจจุบันไม่ได้เสี ยกำลังการซื้ออย่างรุ นแรงจะทำให้แรงจูงใจในการเปลี่ ยนไปใช้สกุลเงินใหม่มีน้อย - แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้
นจะทำให้มูลค่าของบิตคอยน์ลดลง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นตามแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ โดยเฉพาะนโยบาย QT ในสหรัฐ ฯ จะทำให้ต้นทุนค่าเสีสูงยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ และสภาพคล่องที่ถูกดูดออกมากขึ้ น ยโอกาสในการครอบครองสินทรัพย์ที่ ไม่ผลิตกระแสเงินสดเพิ่มขึ้ นและจะสร้างแรงกดดันที่มากขึ้ นกับราคาของบิตคอยน์ และความผันผวนของบิตคอยน์ก็มี แนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้การยอมรั บในการใช้บิตคอยน์ลดลงได้ - การแข่งขันในตลาดของสกุลเงิ
นอาจไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพสู การแข่งขันของสกุลเงิงสุด นเอกชนอาจไม่ก่อให้เกิดเสถี ยรภาพทางด้านราคา หรือเศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงเงิ นเฟ้ออยู่ เนื่องจากผู้ประกอบการมีแรงจู งใจในการสร้างสกุลเงินเพิ่มเติ มเพื่อกำไรจากการสร้างเหรียญ - รัฐบาลในหลายประเทศยังไม่ยอมรั
บให้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นเงิ การไม่ได้รับการยอมรับจากภาครัฐ และความเสี่ยงในอนาคตที่ภาครันตราที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ฐต้องมีการกำกับดูแลคริปโตเคอร์ เรนซีจะทำให้ต้นทุนและอุ ปสรรคในการใช้งานคริปโตเคอร์ เรนซีเพิ่มขึ้น รวมถึงจะจำกั ดความสามารถในการเป็นสื่ อกลางในการแลกเปลี่ยนหรื อชำระหนี้ได้
ความเสี่ยงของคริปโตเคอร์เรนซี
การคาดเดาทิศทางของราคาบิตคอยน์
KKP Research ประเมินว่าปัจจัยทั้งหมดนี้เป็
และหากคริปโตเคอร์เรนซี
นอกจากนี้ การมีอยู่ของคริปโตเคอร์เรนซี