บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ “Pi” “พาย” ประเมิน ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปรับลง 1.7% หลัก ๆ เป็นผลจากการรายงาน PCE ที่สูงกว่าตลาดคาดหมายไว้ เพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและส่งผลให้ตลาดกังวลกับแนวโน้มดอกเบี้ยจาก FED ส่วนด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับตัวลง 0.6% หลัก ๆ นักลงทุนกังวลกับอุปสงค์ที่จะหายไปจากการขึ้นดอกเบี้ย
สัปดาห์นี้ตลาดจะให้น้ำหนักกับการรายงานเงินเฟ้อไทยประจำเดือน ก.ย. ในวันพุธ Bloomberg Consensus คาดที่ 6.5%YoY,0.4%MoM ทั้งนี้หากพิจารณาสินค้าที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเงินเฟ้อสูง อย่างราคาน้ำมันจะพบว่าราคาน้ำมันดิบ BRENT ในเดือนกันยายนติดลบราว 7.4%MoM ดังนั้นคาดว่าเงินเฟ้อที่จะประกาศออกมาน่าจะใกล้เคียงกับนักวิเคราะห์คาดและมองว่าไม่น่ามีผลอะไรกับตลาดหุ้นมากนัก
ส่วนปัจจัยต่างประเทศจะเน้นไปที่ (1) การประชุม OPEC+ ในวันพุธ (คาดทราบผลทางการช่วงวันพุธกลางคืนตามเวลาประเทศไทย) เบื้องต้นมีรายงานออกมาว่าที่ประชุมจะลดกำลังการผลิตราว 1 ล้านบาร์เรล / วัน หากออกมาตามนี้ก็เชื่อว่าไม่มีผลอะไรมากนักกับราคาน้ำมันดิบ คาดว่าปัจจุบันตลาดกำลังให้น้ำหนักกับอุปสงค์ที่จะหายไปจากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย
(2) ภาคแรงงานสหรัฐในวันอังคารได้แก่ตำแหน่งงานเปิดรับสมัคร Bloomberg คาดที่ 11.35 ล้านตำแหน่ง ทั้งนี้หากสูงกว่าคาดก็จะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นต่อความกังวลเงินเฟ้อ และในวันศุกร์จะมีตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร Bloomberg คาดที่ 2.65 แสนตำแหน่งและอัตราการว่างงานที่ 3.7% หากสูงกว่าคาดก็จะเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อและกดดันตลาดหุ้นเช่นกัน
ทั้งนี้เมื่อประเมินจากหลายๆปัจจัยพบว่ายังเต็มไปด้วยปัจจัยกดดันจึงมองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกยังอยู่ในแนวโน้มขาลง แต่เมื่อพิจารณาตลาดหุ้นไทยพบว่ามีโอกาสที่จะ Outperform ตลาดหุ้นโลกด้วยเหตุผล
(1) เศรษฐกิจไทยกำลังได้แรงหนุนจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่การรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยล่าสุดของ ธปท. พบว่าเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวรับแรงหนุนจากการ ท่องเที่ยวและการลงทุนภาคเอกชน ส่วนการบริโภคทรงๆตัวแต่ใส้ในขยายตัวทุกหมวดยกเว้นสินค้าไม่คงทน
(2) การเลือกตั้งนายกฯในช่วงกลางปีหน้าจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย สถิติในอดีตที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้ง 3-6 เดือนตลาดหุ้นมักให้ผลตอบแทนเป็นบวก ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำนักลงทุนระยะกลางถึงยาวเริ่มทยอยสะสมได้บางส่วนในหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาปรับลงมา (ADVANC CPALL MAJOR KCE MINT) ส่วนหุ้นแนะนำระยะสั้นยังเน้น Defensive อาทิ โรงพยาบาล (BCH CHG) ส่งออก (ASIAN TU) น้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) ประเมินกรอบทั้งสัปดาห์ที่ 1570 – 1600
PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 179.00 บาท) คาดกำไรโตแข็งแกร่งต่อเนื่องใน 2H22 เพราะผู้บริหารให้แนวทางปริมาณขายที่โตอีก 16% YoY และ 9% HoH เป็น 487kBOED หนุนจากการเร่งผลิตจากโครงการ G1/61 (เอราวัณ) และแอลจีเรียที่เริ่มเดินเครื่องใน 2Q22 นอกจากนี้บริษัทจะรับรู้ปริมาณขายเต็มปีจากโครงการ Malaysia Block H และ Oman block
BCP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 42.00 บาท) คาดกำไรปกติในไตรมาส 3/22 อ่อนตัวลง QoQ จากค่าการกลั่นที่ลดลงจากยอดสูงในไตรมาส 2/22 แต่คาดว่าในเชิง YoY จะยังแข็งแกร่งที่ US$10/bbl. เพิ่มจาก US$3.1/bbl. ในไตรมาส 3/21 ขณะที่มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อภาพรวมในไตรมาส 4/22 หนุนจากราคาก๊าซที่สูงขึ้นจากช่วง high season ในยุโรป