FUND

กองทรัสต์ WHART จ่อเปิดขายหน่วยเพิ่มทุน เคาะราคาจองซื้อไม่เกิน 10 บาท/หน่วย ผู้ถือเดิมจองซื้อ 7 – 11 พ.ย.

กองทรัสต์ WHART จ่อเปิดขายหน่วยเพิ่มทุน เคาะราคาจองซื้อไม่เกิน 10 บาท/หน่วย ผู้ถือหน่วยเดิมจองซื้อ 7 – 11 พ.ย. – นักลงทุนทั่วไป 15-18 พ.ย.นี้

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (“WHART”) ดีเดย์เปิดขายหน่วยเพิ่มทุน ส่งซิกผู้ถือหน่วยเดิมเตรียมใช้สิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์ ระหว่างวันที่ 7-11 พ.ย. นี้ ในอัตราส่วน  1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.0609 หน่วยทรัสต์ใหม่

ขณะที่ประชาชนทั่วไป เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 15–18 พ.ย.นี้ โดยราคาเสนอขายสูงสุดอยู่ที่ไม่เกิน 10 บาทต่อหน่วย เพื่อเข้าลงทุนเพิ่มในทรัพย์สิน 5 โครงการ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,050.86 ล้านบาท ระบุหลังเพิ่มทุนเสร็จดันพอร์ตแตะ 51,956.40 ล้านบาท ครองแชมป์ผู้นำกองทรัสต์ Industrial ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (“WHART”) เปิดเผยว่า กองทรัสต์ WHART เตรียมเสนอขายหน่วยหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม ระหว่างวันที่ 7-11 พ.ย.นี้ ในอัตราส่วน 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.0609 หน่วยทรัสต์ใหม่

ส่วนประชาชนทั่วไป เสนอขายระหว่างวันที่ 15–18 พ.ย.นี้  โดยมีราคาเสนอขายสูงสุดอยู่ที่ไม่เกิน 10 บาทต่อหน่วย โดยผู้ถือหน่วยเดิม หรือนักลงทุนทั่วไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ K-Contact Center ของธนาคารกสิกรไทย โทร 02 888 8888 ต่อ 819

หรือจองซื้อผ่านทางเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) และสาขาของธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา สำหรับราคาเสนอขายสุดท้ายจะมีการประกาศผ่านเว็บไซต์ของทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้ทราบอีกครั้ง

สำหรับการเพิ่มทุนของกองทรัสต์ WHART ในครั้งนี้ จะเป็นการลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมของ WHA Group จำนวน 5 โครงการ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,050.86 ล้านบาท   ซึ่งภายหลังการเข้าลงทุนแล้วเสร็จ คาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายปี 2565 นั้น จะส่งผลให้ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์แตะที่ระดับกว่า 51,956.40 ล้านบาท

มีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 1,743,696.80 ตารางเมตร พื้นที่ส่วนที่จอดรถ 32 ,650.19 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าหลังคา 450,777.29 ตารางเมตร  ดังนั้นจะเป็นปัจจัยตอกย้ำในการเป็นกองทรัสต์ประเภทอุตสาหกรรม ที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมมากที่สุดในประเทศไทย

โดดเด่นด้วยทรัพย์สินที่ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ของประเทศ และความหลากหลายของกลุ่มผู้เช่า ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาว ซึ่งการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินหลักในครั้งนี้ ยังช่วยสร้างการเติบโตและมั่นคงให้กับรายได้ของกองทรัสต์อย่างมั่นคงและยั่งยืน และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยอย่างสม่ำเสมอ

ทรัพย์สินที่มีการลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ มีจำนวน 5 โครงการ โดยมีพื้นที่เช่าอาคารรวม ประมาณ 159,963 ตารางเมตร โดยประกอบด้วย

  1. โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23 โปรเจค 3  ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ
  2. โครงการดับบลิวเอชเอ ซิกโนด แฟคทอรี่ ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
  3. โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ
  4. โครงการดับบลิวเอชเอ-เคพีเอ็น เมกกะ โลจิสติกส์เซ็นเตอร์บางนา-ตราด กม.23 โปรเจค 2 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ
  5. โครงการดับบลิวเอชเอ เซ็นทรัล เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ วังน้อย 63  ตั้งอยู่ที่ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

“ทรัพย์สินคลังสินค้าประเภท Built-to -Suit ซึ่งเป็นคลังสินค้าที่สร้างตามความต้องการของลูกค้า และสามารถตอบโจทย์ความต้องการด้าน Operation ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกลุ่มลูกค้าที่เช่าคลังสินค้า และโรงงานประเภทนี้โดยปกติจะทำสัญญาเช่าระยะยาว

จึงทำให้กองทรัสต์ WHART มีความมั่นคงและมีฐานลูกค้าที่เช่าคลังสินค้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด”

ด้านนายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHART กล่าวว่า ธนาคารได้เปิดให้มีการจองซื้อให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมระหว่างวันที่ 7-11 พ.ย. และประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 15-18 พ.ย.นี้

มั่นใจว่าจะมีการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากกองทรัสต์ WHART มีความโดดเด่นด้านการเป็นผู้นำกองทรัสต์ในกลุ่มคลังสินค้าและอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทย มีความมั่นคงของรายได้จากสัญญาเช่าระยะยาว ประกอบกับคลังสินค้าที่ WHART เข้าลงทุนส่วนใหญ่เป็นคลังสินค้าประเภท Built-to-Suit และมีผู้เช่าระดับชั้นนำในกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต  

โดยทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHART จะลงทุนเพิ่มเติมทั้ง 5 โครงการในครั้งนี้ จะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งเดิมให้กับกองทรัสต์ WHART  และมีประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ภายหลังการลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมครั้งที่ 8 เท่ากับ 0.80 บาทต่อหน่วย

สำหรับรอบประมาณการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพิ่มขึ้นจากประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนจากทรัพย์สินเดิมของกองทรัสต์ WHART สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกัน ซึ่งเท่ากับ 0.78 บาทต่อหน่วย

ใส่ความเห็น