บลจ.อเบอร์ดีน ส่งกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ 2 กองทุน ชู “กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSM-RMF)” ลงทุนหุ้นไทยขนาดกลางและเล็ก พร้อม “กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดีวิเด็น เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABGDD-RMF)” เฟ้นหาหุ้นคุณภาพจากทั่วโลก มุ่งสร้างกระแสรายรับจากเงินปันผลสม่ำเสมอ เพิ่มทางเลือกผู้ลงทุนจัดพอร์ตกระจายการลงทุน “กองทุนลดหย่อนภาษี” ทั้งในและต่างประเทศ รับมือทุกสภาวะความผันผวน เปิดขาย IPO พร้อมกัน ระหว่าง 6-16 ธ.ค.65 นี้
นายโรเบิร์ต เพนนาโลซา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อเบอร์ดีนยังคงนำเสนอทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อลดหย่อนภาษีกับกองทุน RMF และ SSF ช่วยให้นักลงทุนบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ จึงได้ออกกองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSM-RMF) และกองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดีวิเด็น เพื่อการเลี้ยงชีพ (ABGDD-RMF) เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนนำไปจัดพอร์ตกระจายการลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษี ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ หลังจากเปิดขายกองทุนชนิดหน่วยลงทุนเพื่อการออม ได้แก่ ABSM-SSF ไปก่อนหน้านี้
สำหรับกองทุน ABSM-RMF เน้นลงทุนในหุ้นไทยขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีศักยภาพสูง และมีโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากโมเดลธุรกิจที่เกาะกระแสไปกับการเติบโตเศรษฐกิจยุคใหม่ (New Economy) ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในยุคสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วย 3 ธีมการลงทุนที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่ม Aging Society (สังคมสูงวัย) , Tourism (การท่องเที่ยว) และ Digital Tranformation (ที่มา: abrdn, กันยายน 2565)
ในขณะที่ ABGDD-RMF เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ คือ กองทุน Aberdeen Standard SICAV I – Global Dynamic Dividend Fund ซึ่งลงทุนในหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่าทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่แตกต่าง โดยแบ่งเงินลงทุนเป็น 2 ส่วน ซึ่งส่วนแรก 95% ของพอร์ตเน้นลงทุนระยะยาวในหุ้นที่มีคุณภาพ เพื่อโอกาสสร้างกระแสรายรับจากเงินปันผลปกติ และโอกาสทำกำไรจากราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนที่สอง 5% ของพอร์ตเน้นจับจังหวะการลงทุนในระยะสั้นกับหุ้นที่มีโอกาสจ่ายเงินปันผลพิเศษ เป็นการเพิ่มโอกาสรับกระแสเงินสดที่สูงขึ้น เช่น กรณีบริษัทมีผลประกอบการที่ดีมากหรือมีการขายสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาลซึ่งบริษัทมีแนวโน้มจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลจำนวนมากในครั้งเดียว อีกทั้งกองทุนหลักยังมีเป้าหมายจ่ายปันผลรายเดือนอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากกำไรจากมูลค่าของหุ้นที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย (ที่มา: abrdn, Actual investment % allocation will be in line with the investment objective disclosed in prospectus)
“หากผู้ลงทุนกำลังมองหาโอกาสในการลดหย่อนภาษีไปกับหุ้นไทยที่มีโอกาสเติบโตไปข้างหน้า เราขอแนะนำกองทุน ABSM-RMF กองทุนที่จะเฟ้นหาหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กในไทยที่มีศักยภาพเติบโตสูง พร้อมก้าวเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในอนาคต แต่หากต้องการโอกาสในการลดหย่อนภาษีพร้อมเก็บดอกผลจากรายรับแบบสม่ำเสมอและการเติบโตของมูลค่าเงินทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก สร้างโอกาสรับมือกับภาวะเงินเฟ้อสูงและความผันผวนของตลาด เราขอแนะนำกองทุน ABGDD-RMF โดยนักลงทุนสามารถผสมผสานพอร์ตลงทุนของตัวเองให้เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวังได้ “นายโรเบิร์ต กล่าว
จุดเด่นของกองทุน ABSM-RMF คือการบริหารเชิงรุก สไตล์การลงทุนแบบ Bottom-up วิเคราะห์หุ้นรายตัวแบบเจาะลึกและตั้งเป้าผลตอบแทนที่แข็งแกร่ง มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้บริหารในบริษัทที่เข้าไปลงทุนแบบใกล้ชิดอย่างน้อยปีละสองครั้งและมีการศึกษาความเสี่ยงทั้งก่อนและหลังตัดสินใจลงทุน นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือการลงทุน The Matrix ซึ่งเป็นนวัตกรรม Quant มาวิเคราะห์เชิงลึกบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กในแต่ละด้านทั้งคุณภาพ การเติบโต โมเมนตั้ม และการประเมินมูลค่า คำนวณออกมาเป็น score เพื่อช่วยกำหนดกลยุทธ์การลงทุน เพื่อเฟ้นหาหุ้นคุณภาพสูงที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมองหาจังหวะการเข้าลงทุนในระดับราคาที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว รวมทั้งอเบอร์ดีนยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะที่ดูแลเรื่องการลงทุนอย่างยั่งยืน ด้วยการวิเคราะห์ ESG แบบเชิงรุก (ที่มา: abrdn, กันยายน 2565)
ส่วนกองทุน ABGDD-RMF ซึ่งกองทุนหลัก บริหารจัดการโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญในหลักทรัพย์ทั่วโลกของ อเบอร์ดีน มีนโยบายลงทุนในพอร์ตการลงทุนที่ประกอบด้วยหุ้นจำนวน 80-100 หุ้นที่กระจายไปในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ และหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยมีกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นคัดสรรหุ้นรายตัวจากการพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน (Bottom-up) และคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยทีมงานมืออาชีพด้านการลงทุน 120 คนใน 13 สำนักงานร่วมคัดเลือกบริษัทที่มีคุณภาพสูงสุดทั่วโลกด้วยข้อมูลเชิงลึกพร้อมความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตลาดต่างๆ โดยมีบริษัทที่จะเข้าลงทุนถึง 1,100 บริษัทซึ่งส่วนใหญ่มีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลตอบแทนที่งดงาม (ที่มา: abrdn, สิงหาคม 2565) อเบอร์ดีนเปิดขาย IPO ทั้งสองกองทุนพร้อมกันระหว่างวันที่ 6-11 ธันวาคม 2565
นอกจากนี้อเบอร์ดีนยังได้จัดโปรโมชันพิเศษส่งท้ายปี สำหรับผู้ลงทุนที่ลงทุนในกองทุนประเภท RMF และกองทุน SSF ที่ร่วมรายการกับอเบอร์ดีน ทุกยอดการลงทุนสะสม 50,000 บาท ผู้ลงทุนจะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด อเบอร์ดีน แคช ครีเอชั่น (ABCC) มูลค่า 100 บาท ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 ธันวาคม 2565 ทั้งนี้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด