นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 66 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ประมาณ 6,000 – 6,600 ล้านบาท โดยมีรายได้หลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 6,000 ล้านบาท สามารถแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบประมาณ 38% และโครงการแนวสูงประมาณ 62%
พร้อมกันนี้ มีแผนจะเปิดโครงการอสังหาฯ แนวราบใหม่ในปี 66 จำนวน 5 โครงการได้แก่ SIAMESE KIN Ramintra , SIAMESE HOLM Phahol – Vibhavadi , SIAMESE BLOSSOM Phahol – Vibhavadi , MONSANE’ Ratchapruek-Chaeng Wattana และอีก 1 โครงการในอนาคต Housing (Phutthamonthon sai4) มูลค่ารวมประมาณ 11,225 ล้านบาท นอกจากนี้มีโครงการ Mixed Use จำนวน 2 โครงการได้แก่ Wellness & Healthcare @Talingchan Plot A และ Condominium @Talingchan Plot B อีกด้วย
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่ (Under Development) จำนวน 7 โครงการ มูลค่า 22,291 ล้านบาท และมี Backlog Forecast มูลค่ากว่า 6,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 68
ขณะเดียวกันธุรกิจอื่นๆ ประกอบด้วยธุรกิจโรงแรม ธุรกิจให้เช่า ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเทคโนโลยีของการพักอาศัย และธุรกิจการเงินและการลงทุน มีแนวโน้มอัตราการเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน จากอานิสงส์การกลับมาของนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
“เรามุ่งมั่นสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยมีการวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ และธุรกิจอื่นๆ อยู่เสมอเพื่อให้ SA เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร จากการสร้างมูลค่าเพิ่มจากสิ่งที่มีอยู่แล้วและต่อยอดธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตที่เด่นชัด พร้อมกันนี้ในปี 66 ได้ตั้งเป้ารายได้แตะ 6,000-6,600 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดยมีสาเหตุหลักจากการขยายตัวของฐานรายได้โครงการแนวราบปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับธุรกิจอื่นๆ มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี อาทิธุรกิจโรงแรมที่คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากปีก่อน”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการวางกลยุทธ์ปรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น ส่งผลทำให้ในปีนี้บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะมีรายได้จากแนวราบประมาณ 2,000 – 2,300 ล้านบาท และคาดว่าจะปรับขึ้นเป็น 3,000-4,000 ล้านบาทในปี 67 ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น มั่นคงและยั่งยืนต่อไป