นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาส Sideway Up โดยมีแรงหนุนจากการจ้างงานนอกภาคเกษตร และดัชนีภาคบริการของสหรัฐ บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว นักลงทุนยังคงติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 ราย สู่ระดับ 204,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย
อีกทั้งทาง ADP ได้มีการเปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 153,000 ตำแหน่ง จากระดับ 127,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ดังนั้นทาง Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 45.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักเพียง 27.2%
ด้านสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) ประจำปี 65 (ม.ค.-ธ.ค.) อยู่ที่ 6.08% ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ว่าเงินเฟ้อทั้งปี 65 จะอยู่ที่ 5.5-6.5% โดยตัวเลขเงินเฟ้อปีนี้ถือเป็นสถิติตัวเลขที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 24 ปี ส่วนปี 2566 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทย จะขยายตัวเพียง 2-3% จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีอยู่ในกรอบ 1,650-1,700 จุด
ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ วันนี้ (10 ม.ค.) ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยแถลงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สภาผู้ส่งออก) แถลงสถานการณ์การส่งออก วันที่ 25 ม.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 1/2566 ส่วนปัจจัยต่างประเทศ วันนี้ (10 ม.ค.) สหรัฐ รายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย. วันที่ 11 ม.ค. สหรัฐ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) วันที่ 12 ม.ค. จีน รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค และ กำหนดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในช่วงปลายเดือนในวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ.
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นเด่นในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 2566 ได้แก่ SPA, D, CEYE และ AU รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีน ได้แก่ MINT, CENTEL, ERW, SPA, AU และ SHR
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินสัปดาห์นี้ราคาทองคำอาจแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากช่วงต้นสัปดาห์ถ้อยคำแถลงของเจอโรม พาวเวล ต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ขณะที่ช่วงปลายสัปดาห์มีประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคมของสหรัฐ โดยคาดการณ์ที่ระดับ 6.9% หากตัวเลขดังกล่าวออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ จะเป็นแรงหนุนต่อราคาทองคำ
โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำยังรับแรงหนุนต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ อีกทั้งได้แรงหนุนจาก SPDR ที่เริ่มส่งสัญญาณกลับมาซื้อ ระหว่างสัปดาห์หากราคาทองคำอ่อนตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,800$/oz คำแนะนำทยอยเข้าซื้อสะสม