นางสาวนริสรา ชัยวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด หรือ BlueBell เปิดเผยว่า บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งภายในระยะเวลา 6 เดือน BlueBell สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างดีเยี่ยมสะท้อนออกมาเป็นยอดจัดจำหน่ายหุ้นกู้ครึ่งปี 2565 มูลค่ากว่า 5.5 พันล้านบาท โดยตั้งเป้าเติบโต 300% ยอดขายหุ้นกู้ทะยานสู่ 15,000 ล้านบาท ภายในปี 2566 นี้ เตรียมผุด 4 ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป พร้อมยืนหนึ่งเป็นผู้นำระบบธุรกรรมจองซื้อหุ้นกู้ออนไลน์แบบเต็มรูปแบบตอบโจทย์ผู้ลงทุนในยุคดิจิทัล
นางสาวนริสรา เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าหมายยอดขายหุ้นกู้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท หรือ เติบโตเป็น 3 เท่าของปี 2565 ซึ่งแม้ว่า BlueBell จะถือว่าเป็นบริษัทหลักทรัพย์น้องใหม่ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์จากกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 และได้รับอนุญาตจาก สำนักงาน ก.ล.ต. ให้เริ่มประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์อันเป็นตราสารแห่งหนี้ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา แต่ก็สามารถพิสูจน์ความสำเร็จในการจำหน่ายหุ้นกู้ได้ตั้งแต่ดีลแรก นั่นคือ “หุ้นกู้ของบริษัท ไทยแอร์เชีย จำกัด” (TAA) กว่า 700 ล้านบาท จนปัจจุบัน มีเปิดเสนอขายดีลหุ้นกู้ไปแล้วกว่า 23 ดีล รวม 34 รุ่น รวมเป็นยอดจัดจำหน่ายหุ้นกู้มูลค่า 5,550.30 ล้านบาท
นางสาวนริสรา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทก่อตั้งขึ้นจากปณิธานของทีมทำงานอย่างแท้จริง เพราะทีมทำงานคือผู้ที่ได้สัมผัสโดยตรงกับปัญหาต่างๆ ของนักลงทุน ความต้องการที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดี และทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่เพื่อพัฒนาตลาดทุนให้มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ และมีความยั่งยืน โดยทีมทำงานผู้มีประสบการณ์ตรงในสายงานการเงินการธนาคาร มากว่า 10 ปี ทุกคนเชื่อมั่นว่า BlueBell จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายใต้วิสัยทัศน์ “Growing Your Wealth Together” และยกระดับมาตรฐานของธุรกิจตราสารหนี้ให้ก้าวไกลได้อย่างแน่นอน
ในปี 2566 นี้ บริษัทมีแผนขยายอีก 4 ผลิตภัณฑ์และบริการ นั่นคือ 1. บริการหุ้นกู้ดิจิทัล (Digital Bond) 2. ผลิตภัณฑ์กองทุนรวม 3. บริการตราสารหนี้ตลาดรอง และ 4. ผลิตภัณฑ์คราวด์ฟันดิง นับเป็น 4 เสาเรือธงที่จะขยายฐานในการเข้าถึงลูกค้าได้ตรงเป้าหมาย ไปพร้อมๆ กับหลักกลยุทธ์ 4 ด้าน ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ อันได้แก่
1)Maintain Best Product Qualityโดยทั่วไปนักลงทุนส่วนใหญ่จะพิจารณาแค่ Credit Rating และงบการเงินของผู้ออกตราสารก่อนตัดสินใจลงทุนเท่านั้น แต่หลักการการทำงานของทีมนักวิเคราะห์ BlueBell มองว่าสิ่งสำคัญในการพิจารณาออกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสู่ตลาด จำเป็นต้องมองภาพรวมทั้ง 2 มิติ ได้แก่ มิติความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสาร (Credit Analysis) และ มิติของความน่าลงทุนของหุ้นกู้เมื่อเทียบกับหุ้นกู้ตัวอื่นๆ ในตลาดภายใต้หลักบรรษัทภิบาล (Market Analysis) เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถตอบโจทย์ด้านผลตอบแทนของนักลงทุนได้อย่างยั่งยืนและเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของตลาดทุน ซึ่งโดยทั่วไป นักลงทุนจะมองแค่มิติของ Credit Rating และงบการเงินของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ในหลักการของ BlueBell ในฐานะที่เป็นตัวกลางในการทำหน้าที่คัดเลือกผลิตภัณฑ์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ประกอบด้วย อาทิ วิสัยทัศน์และความยั่งยืนของผู้ออกตราสารทั้งจากการพูดคุยและบทสัมภาษณ์ของผู้ถือหุ้นและผู้บริหารสูงสุดขององค์กรเพื่อทราบมุมมองในการทำธุรกิจ รวมถึง BlueBell เองยังมีเกณฑ์ในการประเมินสถานะทางการเงิน กระแสเงินสด และโอกาสในการเติบโตของแต่ละโครงการของผู้ออกตราสาร ซึ่งสะท้อนความสามารถในการชำระหนี้หรือช่องทางการจัดหาเงินจากแหล่งต่างๆ ของธุรกิจ ทั้งนี้ นอกเหนือจากการพิจารณาด้านความน่าเชื่อถือแล้ว ยังต้องมองถึงมิติของความน่าลงทุนของหุ้นกู้ด้วยว่า หุ้นกู้ตัวนี้น่าสนใจพอที่จะขายนักลงทุนหรือไม่ BlueBell เชื่อเสมอว่า ตลาดหุ้นกู้จะยั่งยืนได้ เมื่อทุกคนทุกฝ่ายได้รับผลตอบแทนเหมาะสมกับความเสี่ยงของตนเอง
2) Increase Product Variety บริษัทวางแผนการขยาย 4 ผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อเพิ่มโอกาสในการเลือกผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายตามความชอบของแต่ละกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยในไตรมาส 2 ปีนี้ ตั้งเป้าว่าจะสามารถเปิดบริการหุ้นกู้ดิจิทัล (Digital Bond) ให้นักลงทุนสะดวกสบายและเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับหุ้นกู้ได้ง่ายขึ้น และไตรมาส 3 จะพุ่งเป้าต่อยอดผลิตภัณฑ์กองทุนรวม โดยจะมีแม่ทัพคนสำคัญของธุรกิจกองทุนรวมมาร่วมบริหาร เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้า Wealth ที่สนใจการลงทุน รวมถึงเตรียมแผนในการดูแลผู้แนะนำการลงทุนอิสระ (Independent Investment Consultant) ให้สามารถมีเครื่องมือในการตอบโจทย์แก่นักลงทุนมากยิ่งขึ้น ในส่วนของ บริการตราสารหนี้ตลาดรอง และ ผลิตภัณฑ์คราวด์ฟันดิง เองก็พร้อมเดินหน้าในไตรมาส 3 และ 4 ต่อไปเช่นกัน ซึ่งเชื่อมั่นว่า หาก BlueBell เติมเต็มธุรกิจได้อย่างครบวงจรอย่างที่ตั้งเป้าไว้ จะสามารถชูจุดยืนในการเป็นบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำได้อย่างแน่นอน
3) Enhance Customer Experiences นอกจากโอกาสในการเพิ่มพูนผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว BlueBell ยังให้ความสำคัญกับประสบการณ์การดูแลแบบพรีเมี่ยมแก่ลูกค้าในทุกระดับ ซึ่งการบริการและนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้านั้น เกิดจากการดูแล ใส่ใจ และเข้าใจความต้องการของลูกค้าไปจนถึงปัญหาที่นักลงทุนต้องเผชิญในแต่ละจุดของการลงทุน BlueBell เชื่อว่าความจริงใจในการทำการตลาดโดยการส่งมอบสิ่งที่น่าพึงพอใจที่สุดนั้น จะทำให้นักลงทุนที่เป็นลูกค้าคนสำคัญทุกคนรู้สึกว่า เขาคือคนสำคัญและเป็นคนพิเศษของ BlueBell โดยในปี 2566 นี้ บริษัทจะมีทั้งกิจกรรมพิเศษ รวมไปถึงของสมนาคุณอีกมากมายเพื่อสร้างประสบการณ์อันเป็นเลิศและเพิ่มคุณค่าให้แก่นักลงทุนต่อไป
4) Go Digital การพัฒนาระบบธุรกรรมหุ้นกู้ออนไลน์ผ่านทางอินเตอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อต่อยอดการให้บริการให้เป็น Best Investment Solutions เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนในยุคดิจิทัลที่ต้องการความง่าย และสะดวกสบาย เพิ่มความสะดวกแก่นักลงทุนผ่านดิจิทัลแพลทฟอร์มที่มีให้ดีมากยิ่งขึ้น ระบบดังกล่าวจะอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนในการแจ้งความประสงค์จองซื้อหุ้นกู้ จองซื้อและชำระเงินผ่าน E-Payment รวมถึงการดูพอร์ตการลงทุนในหุ้นกู้ได้ตลอด 24 ชม. (ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด)
นางสาวนริสรา กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา BlueBell ถือว่าประสบความสำเร็จได้เป็นที่น่าพอใจ จากการบริหารจัดการด้วยความมุ่งมั่น เข้าใจลูกค้าและยึดมั่นในผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ BlueBell ได้รับความไว้วางใจและได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ชาวบลูเบลล์ทุกคนจะยังคงยึดมั่นในหลักการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและนำความสำเร็จเหล่านี้เป็นพลังขับเคลื่อนในการทำงานให้เต็มศักยภาพ รวมถึงการต่อยอดจากเดิมให้มีสีสันมากยิ่งขึ้น โดยจะต้องปรับตัวไปตามความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสร้างความโดดเด่นทั้งผลิตภัณฑ์และการให้บริการควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มและประโยชน์สูงสุดต่อผู้ลงทุน ทั้งนี้ บริษัทจะยืนหยัดเคียงข้างผู้ลงทุนทุกก้าวย่างเสมือนว่าลูกค้าทุกท่านเป็นบุคคลสำคัญที่จะต้องดูแลด้วยใจ ให้ความสำคัญและอยู่คู่เคียงกันตลอดไป