บริษัท ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค จำกัด (มหาชน) หรือ BIOTEC ผู้ดำเนินธุรกิจ Holding Company โดยการลงทุนผ่านบริษัทย่อยทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ธุรกิจพาณิชย์นาวี ธุรกิจน้ำมันปาล์มซึ่งผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการดำเนินงานงวดปี 2565 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 4,455.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,277.44% เมื่อเทียบจากปีก่อน (YoY) ที่มีรายได้ 323.45 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ ที่ 163.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.76% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 77.70 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพาณิชย์นาวี 539.31 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน มีรายได้ 3,916.01 ล้านบาท
ทั้งนี้สาเหตุที่ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น ในปี 2565 เนื่องจาก บริษัทฯมีการปรับกลยุทธ์ด้านการลงทุนใหม่ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเข้าไปลงทุนในธุรกิจด้านผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน จึงทำให้ปี 2565 บริษัทฯมีการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันไบโอดีเซล เป็นปีแรก และคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะเป็นธุรกิจดาวเด่นของ “BIOTEC” ตั้งแต่ปี2566 เป็นต้นไป
นายรุ่งนิรันดร์ ตั้งสุรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค จำกัด (มหาชน) หรือ “BIOTEC” เปิดเผยถึงกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2566 ว่า บริษัทฯยังคงเดินหน้าสยายปีกต่อยอดธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล ธุรกิจด้านกลีเซอรีน และล่าสุด ประกาศเข้าลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนประเภท Solar และ Battery Energy Storage ซึ่งเป็นธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยกลุ่มธุรกิจดังกล่าวที่ “BIOTEC” ลงทุน จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มด้านผลการดำเนินงานของบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนต่อยอดขยายการลงทุนในธุรกิจด้านกลีเซอรีน ซึ่งจะเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สร้างความโดดเด่นและสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจได้ เพราะกลีเซอรีน เป็นเคมีภัณฑ์จากธรรมชาติ ที่ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในรูปแบบกลีเซอรีนบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ใช้กลีเซอรีนเป็นส่วนผสมในการผลิต จึงทำให้ความต้องการในการใช้กลีเซอรีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย อาทิเช่น อุตสาหกรรมความงาม อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ เป็นต้น
บริษัทฯ มองทิศทางการสร้างมูลค่าเพิ่มโดยใช้กลีเซอรีนดิบ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้จากการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลจากโรงงานผลิตไบโอดีเซล 2 โรง ในกลุ่ม BIOTEC ที่มีประมาณ 50-60 ตัน/วัน มาทำให้บริสุทธิ์มากขึ้น โดยผ่านกระบวนการกลั่นกลีเซอรีน ให้กลายเป็นกลีเซอรีนบริสุทธิ์ ซึ่งจะมีความบริสุทธิ์ร้อยละ 99.50 ขึ้นไป ซึ่งบริษัทฯ มองว่า ตลาดกลีเซอรีนมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีมูลค่าการเติบโตสูงถึง 7.21 พันล้านบาทภายในปี 2573 ทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่สำหรับการขายส่งออกกลีเซอรีนบริสุทธิ์โดยเฉพาะในสาธารณรัฐประชาชนจีน ฝั่งเอเชียแปซิฟิก และฝั่งยุโรปตะวันตก ที่มีความต้องการในการใช้และมีสัดส่วนในการนำเข้ากลีเซอรีนค่อนข้างสูง
ทั้งนี้ จากการขยายการลงทุนดังกล่าว จะทำให้กลีเซอรีนบริสุทธิ์มีราคาขายที่สูงกว่ากลีเซอรีนดิบประมาณ 2-3 เท่า จึงทำให้ตลาดกลีเซอรีนบริสุทธิ์เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ และคาดว่ากำไรจะโตขึ้นจากเดิมสูงถึง 30% ในอนาคต บริษัทฯ จึงเห็นโอกาสในการขับเคลื่อนและเล็งเห็นการสร้างอัตราการเติบโตเพื่อต่อยอดธุรกิจในระยะยาวได้
อย่างไรก็ตาม นอกจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และแผนการต่อยอดธุรกิจด้านกลีเซอรีน ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯแล้ว บริษัทฯยังมีแผนขยายการลงทุนสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนประเภท Solar และ Battery Energy Storage ประเภท โซลิดสเตต (Solid-state battery) เพื่อเป็นระบบอุปกรณ์กักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์สำหรับการใช้งานในภาคครัวเรือนในเฟส 1 คาดว่าจะร่วมกันศึกษาในความร่วมมือก่อสร้างโรงงานประกอบชิ้นส่วน Battery Energy Storage ในประเทศไทย ในเฟส 2 ต่อไป ซึ่งธุรกิจดังกล่าวจะสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัทฯในอนาคตอย่างยั่งยืน