บลจ.วรรณ ระบุ ปัจจัยด้านดอกเบี้ยกดดันหุ้นไทยระยะสั้น แนะลงทุน หุ้นปันผล
บลจ.วรรณ มองกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1,740 จุด ชี้หุ้นไทยระยะสั้นอาจถูกกดดันจากทิศทางดอกเบี้ยเฟด การไหลของเงินทุนและการปรับประมาณการ SET EPS แต่ได้ปัจจัยหนุนหลักด้านการท่องเที่ยวและเลือกตั้งครั้งใหญ่สามารถจำกัด Downside ได้ แนะกระจายความเสี่ยงลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เน้นลงทุน หุ้นปันผล กองทุน ONE-SETHD
นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ดัชนี SET Index ของปีนี้อยู่ที่ระดับ 1,740 จุด หลังความกังวลจากภาคธนาคารในต่างประเทศผ่อนคลายลง อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นยังได้รับปัจจัยกดดันจากการไหลออกเงินเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ จากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) รวมถึงการถูกปรับลดประมาณการผลกำไรบริษัทจดทะเบียน (SET EPS) ในปี 2023-2024 จากนักวิเคราะห์ประมาณ -4.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ถูกปรับประมาณการลงมากที่สุดคือ Agribusiness, Petrochemical และ Entertainment ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจจะกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะสั้น
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการเลือกตั้งใหญ่ที่มีความชัดเจนมากขึ้น จะกลายเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยจำกัด Downside ของตลาดหุ้นไทยในระยะข้างหน้าได้
“การเลือกตั้งใหญ่ในวันที่ 14 พ.ค. 2566 อาจหนุนตลาดหุ้นไทยเข้าสู่จุดฟื้นตัวเกิด Election Rally จากความคาดหวังและมาตรการที่กระตุ้นฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะสูงถึงราว 1-1.2 แสนล้านบาท โดยจากสถิติในอดีตพบว่าในช่วงก่อนเลือกตั้ง 1 เดือน ไปจนกระทั่งผ่านพ้นการเลือกตั้งไปแล้ว 1 เดือน ผลตอบแทนเฉลี่ยของ SET Index อยู่ในช่วง +1.1% ถึง +5.3%” นายพจน์กล่าว
อย่างไรก็ดี บริษัทมองว่า นโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นปัจจัยกดดันต่อต้นทุนทางการเงินของภาคเอกชนให้ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ มองว่าการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดที่ 0.25% เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมานั้นทำให้ดอกเบี้ยนโยบายขึ้นมาอยู่ที่ 1.75% จะเป็นระดับสูงสุดซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและการชะลอตัวของเงินเฟ้อซึ่งมีแนวโน้มที่จะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปีนี้ได้
สำหรับคำแนะนำการลงทุนนั้น บริษัทมองว่า หุ้นไทยซึ่งมีมูลค่าหุ้นที่ไม่แพงมากเทียบกับตลาดสหรัฐฯ (ในแง่ Price-to-book และ Forward PE) จึงน่าจะเป็นหนึ่งในเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติในแง่การกระจายความเสี่ยง ซึ่งแนะนำซื้อสะสมเมื่อตลาดมีการแกว่งตัวลงในรายวัน
ควบคู่กับการกระจายการลงทุนไปกองทุนต่างประเทศหากผู้ลงทุนสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดต่างประเทศได้ ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในการลงทุนตลาดใดตลาดหนึ่ง
นายพจน์ กล่าวเสริมว่า กองทุนภายใต้การบริหารของ บลจ.วรรณ ที่แนะนำให้ช่วงนี้ได้แก่ กองทุนเปิด วรรณ เซ็ท ไฮ ดิวิเดนด์ หุ้นทุน (ONE-SETHD) โดยบริษัทมองหุ้นที่คาดว่ามีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง, มีอัตราการจ่ายปันผลที่ดีสม่ำเสมอ และหุ้นที่คาดว่ามีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจะเป็นหุ้นที่น่าเก็งกําไรหลักในเดือน เม.ย. นี้