GABLE เคาะราคา IPO 6.39 บ./หุ้น เปิดจองซื้อ 26-28 เมษายนนี้ พร้อมลุยลงทุน หนุนพอร์ตธุรกิจที่อัตรากำไรสูง โตแบบ S-Curve
“บมจ.จีเอเบิล (GABLE)” ประกาศเคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 6.39 บาท กำหนดเปิดให้จองซื้อระหว่าง 26 – 28 เมษายนนี้ ปักธงเทรด SET 9 พ.ค. 66 เงินระดมทุนใช้รองรับแผนการลงทุน และโอกาสทางธุรกิจ รวมถึง Growth Engine ที่จะเติบโตไปข้างหน้าด้วยซอฟต์แวร์ที่จีเอเบิลเป็นผู้พัฒนา และสร้าง S-Curve ใหม่ในการเติบโตให้จีเอเบิล
โดยล่าสุด จีเอเบิลลงนามในสัญญาการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทหลักทรัพย์ ในฐานะผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่า
จีเอเบิลได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) จำนวน 175,000,000 หุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 6.39 บาท/หุ้น
เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 26–28 เมษายนนี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “GABLE”
สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 6.39 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม ชูจุดเด่นที่น่าสนใจของ GABLE เป็นธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมไอทีมากว่า 33 ปี พัฒนาโปรเจ็กต์ขนาดใหญ่มากกว่า 30,000 โปรเจ็กต์ พร้อมทีมผู้บริหารมากประสบการณ์ และทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและเทคโนโลยีมากกว่า 1,000 คน สะท้อนความมั่นคง ความยั่งยืนของธุรกิจ
แม้เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่จีเอเบิลสามารถผ่านช่วงเวลาต่างๆ และอยู่เบื้องหลังการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นให้ลูกค้ามากกว่า 1,000 ราย มีโครงสร้างรายได้ประจำ (Recurring income) ณ สิ้นปี 2565 อยู่ในระดับสูงที่ราว 51% ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นรายได้ของจีเอเบิลมีความมั่นคง ต่อเนื่อง
อีกทั้ง มองธุรกิจซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มที่บริษัทเองเป็นผู้พัฒนา และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ จะสามารถสร้าง S-Curve ใหม่ให้จีเอเบิลโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ทำให้จีเอเบิลได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยมในช่วงที่เดินสายโรดโชว์ให้ข้อมูลต่อนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนทั่วไป และมั่นใจจะสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งต่อไปในอนาคต
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญที่จะสนับสนุนให้จีเอเบิลเติบโตตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ทั้งในเชิงธุรกิจ และการขับเคลื่อนสังคม เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำบริษัทเทคโนโลยีของประเทศไทย
โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 1,118.25 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงจำนวน 560 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว รวมทั้งใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินของกลุ่มบริษัทฯ จำนวน 280 ล้านบาทเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินงาน
ดร.ชัยยุทธ กล่าวอีกว่า จีเอเบิลมองการเติบโตของบริษัทเป็นแบบต้นไม้ใหญ่ เพื่อความยั่งยืน คือสิ่งสำคัญที่สุด และมั่นใจว่าภายหลังจากการ IPO จะทำให้จีเอเบิลสามารถเติบโตแบบต้นไม้หลายต้น และก้าวกระโดดได้ ด้วยจุดแข็งหลักในความครบวงจร และความไว้วางใจจากลูกค้ามายาวนานกว่า 3 ทศวรรษในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น
ดังนั้น จีเอเบิลจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการนำเสนอโซลูชั่นใหม่ๆ ให้ธุรกิจไทย ก้าวไปข้างหน้าสู่โลกดิจิทัล อีกทั้ง การเพิ่มศักยภาพของบุคลากร มุ่งสู่การเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าในด้านไอทีและเทคโนโลยี ควบคู่กับพัฒนาแพลตฟอร์มของตนเองมากขึ้น จะเป็น Growth Engine ที่ทำให้จีเอเบิลเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัด สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน ในการเดินหน้าเติบโตไปพร้อมกับเรา
สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในปี 2565 มีรายได้จากการขายและบริการ 4,731 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 268 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเติบโตตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และ โดยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
Post Views: 267