NEWS

“บลูทรี ภูเก็ต”ผลักดันแนวคิด ESG สู่การเป็น ‘Entertainment Hub’ 

“บลูทรี ภูเก็ต” ผลักดันแนวคิด “ESG” สู่การเป็น ‘Entertainment Hub’ อย่างยั่งยืน 

ต้อนรับวันสิ่งแวดล้อมโลก (มิ.ย. ของทุกปี) บลูทรี ภูเก็ต ศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร พร้อมเป็นอีกหนึ่งองค์กรในการผลักดันแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาองค์กรได้อย่างยั่งยืน

ภายใต้การพัฒนา แกนหลัก ประกอบด้วยด้าน Energy – การประหยัดและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้พลังงานไฟฟ้าแทนพลังงานน้ำมัน, Water – เทคโนโลยีการจัดการน้ำ เพื่อลดการใช้ทรัพยากร และปลอดภัยจากสารเคมี และ Waste – การคัดแยก การแปรรูปขยะ ลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง รวมถึงการกระจายความรู้สู่ชุมชนเกี่ยวกับมลพิษและการจัดการขยะพลาสติก 

ปัจจุบันเราทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในโลกที่เข้าขั้นวิกฤตรอบด้าน ทั้งภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็น ปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์โลกเท่าที่มีการบันทึกส่งผลให้การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและอุณหภูมิมหาสมุทรแตะระดับสูงสุด เช่นเดียวกับระดับผลกระทบต่อผืนดิน แผ่นน้ำและชั้นบรรยากาศโลกที่เกิดจากก๊าซเรือนกระจก

ทั้งภาวะฉุกเฉินด้านภูมิอากาศ (Climate Emergency), ทรัพยากรเสี่ยงขาดแคลน (Loss of Nature) รวมถึงสังคมเกิดความเหลื่อมล้ำ (Social Inequality) ดังนั้นแนวคิด ESG เป็นนโยบายที่ทุกบริษัทให้ความสำคัญ และนำมาปรับใช้ในการพัฒนาธุรกิจเพื่อการเติบโตในระยะยาว 

บลูทรี ภูเก็ต เป็นศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร ภายใต้สโลแกน “Entertainment Hub, Thrill & Chill, Day & Night” ที่มีพื้นที่ประมาณ 140 ไร่ (226,624 ตร.ม.)  ได้แก่ โซนที่เป็นไฮไลท์โดดเด่นอย่างบลูทรี ลากูน ที่มีขนาดใหญ่กว่า 17,000 ตร.ม. และโซนที่เป็นพื้นที่สี เขียวประมาณ 180,000 ตร.ม.

โดยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนโดยนำแนวคิดเกี่ยวกับ ESG ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ด้าน Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม)และ Governance (ธรรมาภิบาล)  เข้ามาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความยั่งยืนอย่างถาวร  

นายโยฮัน วาเลียน ผู้จัดการทั่วไป บลูทรี ภูเก็ต กล่าวว่า “บลูทรี เราตระหนักในเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อมมาเป็นอันดับแรก ตั้งแต่การวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเรื่องการใช้พลังงานทดแทน, การใช้เทคโนโลยีจัดการน้ำ, การแยกขยะและลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง การจัดสรรทรัพยากรภายใน

รวมถึงการให้ความรู้สู่พนักงานและชุมชนรอบข้างให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน โดยนำหลักแนวคิด ESG มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับองค์กร เพื่อตอกย้ำการเป็นแลนด์มาร์กด้านความบันเทิงแห่งใหม่ในจังหวัดภูเก็ต ภายใต้ แกนหลักๆ ในการพัฒนาความยั่งยืน ได้แก่

Energy – การประหยัดและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงใช้พลังงานไฟฟ้าแทนพลังงานน้ำมัน, Water – เทคโนโลยีการจัดการน้ำ เพื่อลดการใช้ทรัพยากร และปลอดภัยจากสารเคมี” และ Waste – การคัดแยก การแปรรูปขยะ ลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง รวมถึงการกระจายความรู้สู่ชุมชนเกี่ยวกับมลพิษและการจัดการขยะพลาสติก

 Energy – การประหยัดและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้พลังงานไฟฟ้าแทนพลังงานน้ำมัน 

มีการรณรงค์ภายในองค์กรเพื่อการประหยัดพลังงานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ได้มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ขนาด 185 กิโลวัตต์ บนหลังคาตึกในโซน Lifestyle Village โดยคิดเป็น 8.5% ของการใช้พลังงานทั้งหมด และมีแผนจะติดตั้งเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้

นอกจากนี้ยัง มีการใช้รถตุ๊กๆ ไฟฟ้า (EV) สำหรับรับ-ส่งลูกค้า และใช้รถบัคกี้ไฟฟ้าสำหรับหน่วยงานภายใน เพื่อลดมลภาวะทางควันและลดการใช้พลังงานน้ำมัน และมีแผนติดตั้งจุดชาร์จรถไฟฟ้าที่ลานจอดรถของ Lifestyle Village ภายในปี 2566 นี้ 

 Water – เทคโนโลยีการจัดการน้ำ เพื่อลดการใช้ทรัพยากร และปลอดภัยจากสารเคมี 

อีกหนึ่งจุดเด่นของบลูทรี ภูเก็ต คือโซน บลูทรี ลากูน ที่มีขนาดขนาดใหญ่กว่า 17,000 ตร.ม. จึงมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาใช้ อาทิ หุ่นยนต์ช่วยทำความสะอาดใต้น้ำ ซี่งเป็นไปตามหลักความยั่งยืน เพราะเป็นการลดทรัพยากรคนและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

พร้อมทั้งมีระบบบำบัดน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงทำให้ใช้สารเคมีน้อยกว่าสระแบบปกติถึง 100 เท่า  ตลอดจนระบบกรองที่ประหยัดพลังงานกว่า 98% เมื่อเทียบกับระบบปกติ (Crystal Lagoon Technology) ทั้งนี้ในส่วนของการเลือกใช้อุปกรณ์แบบประหยัดน้ำ บลูทรี ยังมีการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์สำหรับฝักบัวและอ่างล้างมือในบริเวณที่ให้บริการ รวมไปถึงการขุดสระเพื่อกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้สำหรับรดน้ำต้นไม้ในบริเวณพื้นที่สีเขียวทั้งหมดอีกด้วย 

Waste – การคัดแยก การแปรรูปขยะ ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง 

บลูทรี ภูเก็ต มีนโยบายที่จริงจังเกี่ยวกับการแยกขยะ โดยจัดให้มีการแยกขยะในพื้นที่สาธารณะแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ขยะรีไซเคิล และ ขยะทั่วไป ซึ่งขยะรีไซเคิลที่เก็บได้จะนำไปขายและนำรายได้คืนกลับให้พนักงานในทุกๆ ปี

รวมทั้งยังมีการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับใส่อาหารแบบที่ย่อยสลายได้ อาทิ กล่องอาหารและหลอดจากชานอ้อย ช้อนส้อมไม้ ทั้งนี้ พื้นที่ห้องอาหารภายในบลูทรี ยังรณรงค์ให้งดใช้ขวดน้ำพลาสติก และในส่วนของเศษอาหารก็จะส่งต่อให้ฟาร์มเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้เป็นอาหารต่อไป

ซึ่งในอนาคตมีแผนจะแบ่งเศษอาหารไว้สำหรับทำปุ๋ยเองด้วย รวมทั้งสนับสนุนการสร้างเรือพลาสติกร่วมกับองค์กร Oceans For All เพื่อเก็บขยะในท้องทะเลรอบๆ พื้นที่เกาะภูเก็ตด้วย

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Precious Plastic ซึ่งเป็นการนำพลาสติกเหลือใช้มาเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีค่ามากขึ้น เช่น การรีไซเคิลฝาขวดน้ำเป็นที่รองแก้ว  พวงกุญแจ ตะขอแขวนรูปแบบต่างๆ  การตัดเย็บกระเป๋ารูปทรงต่างๆ จากผืนไวนิลที่ใช้แล้ว

โดยทางโครงการฯ มีเป้าหมาย ในการกระจายความรู้สู่ชุมชนและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริกา เกี่ยวกับมลพิษจากพลาสติก  ผลกระทบของขยะที่มีต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนจากภายในสู่ภายนอกองค์กร

ทั้งนี้ บลูทรี ภูเก็ต ได้จัดฝึกอบรมให้ความรู้และจัดกิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนให้กับพนักงานอย่างสม่ำเสมอ โดยพนักงานจะได้รับถุงผ้าและกระบอกน้ำใช้ซ้ำ เพื่อนำมาเติมน้ำดื่ม แทนการพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมทำความสะอาดขยะต่างๆ ที่ร่วมกับชุมชนทั้งภายในและภายนอกพื้นที่อีกด้วย

“จากการใส่ใจและให้ความสำคัญในเรื่องของการแยกขยะ ทำให้บลูทรี ภูเก็ต ได้รับการประเมินจาก โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme : LESS) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย องค์การบริหารจัด

การก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) ด้าน “การคัดแยกขยะเพื่อการรีไซเคิล” ว่าสามารถลดได้ 38.315 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า พร้อมเข้าร่วมโครงการ “Establish Thailand to be sustainable tourism destination ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อวางแผนลด Carbon Footprint ในอนาคต ต่อไป”

นายโยฮัน กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากนี้ บลูทรี ยังให้ความสำคัญกับองค์ประกอบด้านการใช้วัสดุธรรมชาติ โดยมีการใช้ไม้ไผ่เป็นส่วนประกอบหลักในการตกแต่งพื้นที่เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอาคารต่างๆ เก้าอี้ชายหาด หรือจุดพักผ่อนต่างๆ ก็ล้วนมีไม้ไผ่เป็นส่วนประกอบ

อีกทั้งการออกแบบยังเน้นการเปิดโล่งเพื่อเพิ่มช่องลมให้อากาศถ่ายเทได้ดีทำให้สามารถประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ดีอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนให้ชาวบ้านมีรายได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากบริเวณภูเก็ต-พังงา-กระบี่มีการปลูกไม้ไผ่

รวมไปถึงอีกหนึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นทุกวันเสาร์อย่าง “Wansao Picnic In The Park” ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสในการเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านเข้ามาเปิดร้านขายของ พร้อมเปิดโลก และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ความสามารถกันในงานนี้ได้ ตอกย้ำแนวคิด ESG ในด้านการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนเอย่างยั่งยืน” 

จะเห็นได้ว่าตอนนี้บลูทรี ภูเก็ต พร้อมที่จะมุ่งสู่การผลักดันแนวคิด ESG และเป็นอีกหนึ่งก้าวเล็กๆ ในการขับเคลื่อนองค์กร ชุมชม สู่ความยั่งยินระดับประเทศให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ใส่ความเห็น