NEWS

BLC โชว์ศักยภาพศูนย์วิจัย BLC Research Center

BLC โชว์ศักยภาพศูนย์วิจัย BLC Research Center รุกวิจัยยาสามัญใหม่ สร้างนวัตกรรมสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก รับเมกะเทรนด์สุขภาพเติบโต บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค หรือ BLC’ โชว์ศักยภาพ BLC Research center 

เดินหน้าวิจัยยาสามัญใหม่ตามแผนงานพร้อมปั้นนวัตกรรมสมุนไพรไทยออกสู่ตลาดโลก เล็งขยายสู่ตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV และตะวันออกกลาง รับเทรนด์สุขภาพเติบโตต่อเนื่อง ขณะผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2566 เติบโตแข็งแกร่ง 

ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ หรือ BLC) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ามูลค่าการจำหน่ายยาระหว่างปี 2566-2568

มีอัตราการเติบโต 5.0-6.0% ต่อปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวตามทิศทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว และแนวโน้มการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง รวมถึงจำนวนผู้ป่วยต่างชาติกลับมาใช้บริการโรงพยาบาลในประเทศไทย

ช่วยสนับสนุนความต้องการการใช้ยามากขึ้น รวมทั้งกระแสการใส่ใจสุขภาพที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังการระบาดรุนแรงของ COVID-19 ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่อาจจะอุบัติใหม่ในอนาคต

โดยเฉพาะยาเสริมภูมิคุ้มกันหรือยาป้องกันโรค เช่น วิตามิน ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องดื่มโภชนาการ ส่งผลให้ดีมานด์ยาเพิ่มมากขึ้น นับว่าเป็นเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

BLC ในฐานะผู้ผลิต และจำหน่ายยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ ยาสามัญใหม่ ยาสมุนไพร ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่นๆ อย่างครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ได้เล็งเห็นเทรนด์ด้านสุขภาพที่กำลังขยายตัว โดยเฉพาะประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Ageing Society) จึงมุ่งเน้นการวิจัยพัฒนายาสามัญใหม่ที่มีอัตราการเติบโตสูง สอดคล้องกับข้อกำหนดบัญชียามุ่งเป้าตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ซึ่งเป็นรายการยาสำคัญที่ได้รับการสนับสนุน เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจและความมั่นคงทางยาของประเทศ โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายการผลิตและวางจำหน่ายยาสามัญใหม่อย่างน้อยปีละ รายการ เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายรายได้ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 2569

บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของงานวิจัยซึ่งมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยา จึงจัดตั้งศูนย์วิจัย BLC Research Center เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เข้ามาประยุกต์ใช้พัฒนาต่อยอดงานวิจัยเพื่อเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์

ครอบคลุมยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญและยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นอกจากนี้ BLC ยังมุ่งเน้นการวิจัยผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร

เพื่อให้เป็นทางเลือกในการรักษาควบคู่กับยาแผนปัจจุบันผ่านความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานวิจัยในประเทศ เพื่อศึกษาวิจัยสมุนไพรไทยและฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ด้วยกระบวนการผลิตตามมาตรฐานการผลิตยาแผนปัจจุบัน (GMP PIC/S)

และมีการแสดงผลการวิเคราะห์รองรับมาตรฐานคุณภาพ COA (Certificate of Analysis) ทั้งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป รวมทั้งการวิจัยทางคลินิกเพื่อให้ได้ผลพิสูจน์ด้านประสิทธิผลในการรักษาและความปลอดภัย

ผลการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ จะถูกนำมาพิจารณาเพื่อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสมุนไพรที่มีความหลากหลายในรูปแบบ และคุณสมบัติที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค 

ภก.สมชัย พิสพหุธาร ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ หรือ BLC) กล่าวว่า บริษัทฯ วางกลยุทธ์สร้างการเติบโต

โดยมุ่งเน้นพัฒนากลุ่มยาที่มีอัตราการเติบโตสูง มีความสามารถในการทำกำไรขั้นต่ำที่ 70% ใน 3-5 ปีแรกของการวางจำหน่าย โดยบริษัทฯ มีแผนการวางจำหน่ายยาสามัญใหม่อย่างต่อเนื่อง

พร้อมเพิ่มยอดขายในช่องทางโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน รวมทั้งขยายตลาดสู่ต่างประเทศในตลาดประเทศจีน อินโดนีเซีย ฮ่องกง ตะวันออกกลาง และ CLMV เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันในปีก่อนหน้า 56.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 20% จากปัจจัยการทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งการจัดโปรโมชัน และการออกบูธแสดงสินค้า เพื่อสร้าง Brand Awareness ให้แก่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 30.3 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรที่ 9% ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เนื่องจากค่าใช้จ่ายการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นและต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และสิทธิประโยชน์ BOI หมดอายุในเดือนสิงหาคม 2565

ยักษ์ลงทุน

 

ใส่ความเห็น