บลจ.กสิกรไทย เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนหน้าใหม่ ได้เริ่มต้นสร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนผ่านกองทุนรวม เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการออมเบอร์ 5 หวังขยายฐานผู้ลงทุนโดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงาน เสนอโปรโมชั่นเริ่ม 9.9 ชวนลูกค้าใหม่เปิดบัญชีกองทุนพร้อมเริ่มต้นลงทุน และสร้างวินัยทางการลงทุนผ่านการ DCA
นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนหน้าใหม่ได้เริ่มต้นสร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนผ่านกองทุนรวม ด้วยการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการออมเบอร์ 5
ซึ่งจัดโดยสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อมุ่งขยายฐานผู้ลงทุนโดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงาน ให้มีความพร้อมและมีวินัยในการออมผ่านการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging : DCA)
“ผู้ลงทุนหน้าใหม่ที่มีความสนใจในเรื่องการลงทุน สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ง่ายๆ ในกองทุนรวม กับ บลจ.กสิกรไทย ผ่านโปรโมชั่นพิเศษที่พร้อมมอบหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดเค บริหารเงิน (K-CASH) มูลค่า 500 บาท ให้กับผู้ที่เข้าเงื่อนไขครบทั้ง 2 เงื่อนไข ดังนี้
เงื่อนไขที่ 1 เปิดบัญชีกองทุนกสิกรไทยเป็นครั้งแรกพร้อมลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท ในระหว่างวันที่ 9 ก.ย. – 30 พ.ย. 66
และ เงื่อนไขที่ 2 ลงทุนแบบ DCA ขั้นต่ำ 500 บาท เป็นเวลาต่อเนื่อง 12 เดือน ผ่านบริการ K-Saving Plan (บนช่องทาง K-Cyber Invest / ธนาคารกสิกรไทย / บลจ.กสิกรไทย) หรือ Investment Plan (บนช่องทาง K-My Funds) ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง โดยผู้ลงทุนจะต้องชำระเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนแบบ DCA ครั้งแรกสำเร็จ ภายใน 29 ธ.ค. 66” นายสุรเดชกล่าว
สำหรับกองทุนที่ร่วมรายการ ได้แก่ กลุ่มกองทุนหุ้นต่างประเทศ ประกอบด้วย K-CCTV-A(A), K-CHANGE-A(A), K-GHEALTH, K-HIT-A(A), K-INDIA, K-PLANET-A(A), K-USA-A(A), K-USA-A(D), K-VIETNAM
กลุ่มกองทุนหุ้นดัชนี ประกอบด้วย K-ASIAX, K-CHX, K-INDX, K-SET50, K-USXNDQ-A(A), K-USXNDQ-A(D), K-WORLDX และกลุ่มกองทุนผสม ประกอบด้วย K-GINCOME-A(A), K-GINCOME-A(R), K-PLAN2, K-PLAN3
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการเริ่มต้นลงทุนเพื่อรับสิทธิโปรโมชั่น ผู้ลงทุนยังสามารถจัดพอร์ตภายใต้กองทุนดังกล่าวได้ผ่านกลยุทธ์ Core & Satellite Portfolio โดยส่วนที่ 1 : Core Portfolio เน้นลงทุนระยะยาวแบบ Asset Allocation ประมาณ 70%-80% ของพอร์ต แนะนำให้ลงทุนในกองทุนผสม
และส่วนที่ 2 : Satellite Portfolio เน้นลงทุนระยะสั้นแบบจับจังหวะตลาด (Market Timing) ประมาณ 20%-30% ของพอร์ต แนะนำให้เลือกลงทุนได้หลากหลายกลุ่มกองทุนตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา