NEWS

เบทาโกร โชว์ผลงานเติบโตกว่า 10 เท่าตัว ครึ่งปีหลังราคาหมู ไก่ ไข่ จ่อขยับ

“เบทาโกร” โชว์ผลงานครึ่งปีแรก 67 ทำกำไรสุทธิ 503.7 ล้านบาท เติบโตกว่า 10 เท่าตัว สัญญาณดีต่อเนื่องครึ่งปีหลัง ราคาหมู ไก่ ไข่ จ่อขยับ
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” บริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทย เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 ทำรายได้รวม 27,394.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 627.8 ล้านบาท
พลิกจากขาดทุนสุทธิ 350.6 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ดันผลการดำเนิน งานในครึ่งปีแรกของปี 2567 ทำรายได้รวม 54,530.6 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ 503.7 ล้านบาท เติบโตกว่า 10 เท่าตัว  เดินแผนครึ่งปีหลัง มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคนด้วยอาหารที่ดีกว่า สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน 
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถสร้างผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2567 (เม.ย.-มิ.ย.) กลับมาทำกำไรและเติบโตแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 27,394.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิเติบโตสู่ระดับ 627.8 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 350.6 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกลยุทธ์การขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นรองรับกับดีมานด์ของตลาด
รวมทั้งการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีราคาขายที่ทำอัตรากำไรที่สูงขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ราคาหมูและไก่ในประเทศไทยที่ฟื้นตัวขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง ส่งผลให้ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 2567) บริษัทฯ มีรายได้รวม 54,530.6 ล้านบาท อยู่ในระดับเดียวกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 503.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ กำไรขั้นต้นงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค.-มิ.ย.) ปรับตัวดีขึ้นจากราคาปศุสัตว์ที่ปรับตัวดีขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง ซึ่งเบทาโกรได้ก้าวข้ามผ่านความท้าทายสถานการณ์ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง
โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ จะทะยานสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง  ด้วยแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น จากปัจจัยภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัว อีกทั้งนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ส่งผลให้ปริมาณการบริโภคในประเทศเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนดีมานด์ของตลาดต่างประเทศมีทิศทางขยายตัวดีขึ้น ขณะที่ราคาหมู ไก่ และไข่ คาดว่ามีโอกาสปรับตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก
ขณะที่ แผนธุรกิจครึ่งปีหลัง 2567 บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยวางกลยุทธ์มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีราคาขายที่ดีและช่องทางจำหน่ายที่สามารถเพิ่มมูลค่าและทำอัตรากำไรสูงขึ้น
ตลอดจน การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนตลอดห่วงโซ่อุปทานได้ดียิ่งขึ้น การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย รวมทั้งความมุ่งมั่นการวิจัยและพัฒนา  เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพความปลอดภัยมอบให้กับทุกคน
“เรามุ่งมั่นทำงานอย่างหนักเพื่อผลักดันผลประกอบการให้เป็นไปตามเป้าหมาย และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีและมีความปลอดภัยสูง โดยปีนี้นับว่าเป็นความภาคภูมิใจของเบทาโกรกับการคว้ารางวัลใหญ่แห่งปี 3 รางวัล ได้แก่
1) คว้ารางวัล Superior Taste Award 2024 โดย “ไข่ไก่สดแช่เย็นเอสเพียว (S-Pure Chilled Eggs)” ได้รับรางวัลในระดับ 3 ดาว และ “ข้าวมันกะทิขมิ้นแกงเขียวหวานไก่ Betagro” ได้รับรางวัลระดับ 2 ดาว ตอกย้ำถึงการส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและรสชาติที่เลอเลิศ
2) รางวัลนวัตกรรมอาหาร Thaifex – Anuga Taste Innovation Show 2024 จากเมนู “แกงเขียวหวานเนื้อชิ้นจากพืชพร้อมทาน แบรนด์ Meatly!” นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต การันตีด้วยรสชาติอร่อยง่ายถูกปากได้สุขภาพ และ
3) การคว้าสัญลักษณ์ Thai Select ประจำปี 2567 อาหารพร้อมทานภายใต้แบรนด์ Betagro และ Meatly! จำนวน 12 เมนู ซึ่งการได้รับรางวัลในครั้งนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้กับเบทาโกรตั้งใจสร้างสรรค์และยกระดับอาหารที่ดียิ่งขึ้นต่อไป” นายวสิษฐ กล่าว
เกี่ยวกับบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)
เบทาโกร บริษัทอาหารครบวงจรชั้นนำของไทย ที่มุ่งมั่นเพิ่มคุณค่าชีวิตทุกคนด้วยอาหารที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน ดำเนินธุรกิจครบวงจรครอบคลุมตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร ตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์
ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ ปศุสัตว์ การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และปลา และอาหารแปรรูปที่เกี่ยว ข้องสำหรับการบริโภคในประเทศและส่งออกไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
อีกทั้งยังมีการขยายการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมา ตลอดจนการดำเนินงานด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนา การติดตามและควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ ภายใต้ระบบการจัดการคุณภาพเบทาโกร (Betagro Quality Management – BQM)
รวมถึงมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ขั้นสูงที่ได้การรับรองและเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล และให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals – SDGs) และดำเนินการภายใต้กรอบ ESG (Environmental, Social, and Governance) เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน

ใส่ความเห็น