NEWS

CHAO เผยไตรมาส 2/67 เติบโต 24.2% รายได้จากต่างประเทศพุ่งสูง

CHAO โชว์ผลงานไตรมาส 2/67 ทำกำไรสุทธิ 33.1 ล้านบาท เติบโต 24.2%
ยอดขายจีน-อเมริกาหนุนรายได้จากต่างประเทศโตพุ่ง 13.3% ปูพรมแต่งตั้ง Distributor เพิ่มเป็น 17 ประเทศ มุ่งเติบโตสู่ระดับ Global
 
‘บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี’ หรือ CHAO ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 (เมษายน – มิถุนายน) มีรายได้จากการขาย 342.9 ล้านบาท เติบโต 2% และมีกำไรสุทธิ 33.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าตามลำดับ
ประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลังยังคงสดใสจากการเติบโตของตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา ปูพรมแต่งตั้ง Distributor เพิ่มเป็น 17 ประเทศ รุกขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เล็งวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ 15 รายการ พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดแบบ 360 องศา ดันผลงานโตตามเป้าหมาย
นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและผลิต ภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ภายใต้แบรนด์ “เจ้าสัว” และแบรนด์ “โฮลซัม (Wholesome) ”เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 (เมษายน – มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 342.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 33.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
โดยหลักมาจากการเติบโตของตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น 13.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากประเทศหลักที่ทางกลุ่มบริษัทฯ มุ่งเน้นในการทำตลาดทั้งประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีการเปิดตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ในประเทศเกาหลีใต้
ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกปี 2567 (มกราคม – มิถุนายน) มีรายได้จากการขายรวม 679.2 ล้านบาท เติบโต 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 59.8 ล้านบาท เติบโต 1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการขยายตัวของตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการออกสินค้าใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ข้าวตังและหมูแท่ง ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างการขายผ่านช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional Trade) ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว คาดว่าจะเริ่มส่งผลบวกต่อยอดขายในช่วงครึ่งปีหลัง
รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขยายตัวแทนจำหน่าย จะเริ่มเกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) ในครึ่งปีหลังจากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHAO กล่าวว่า สำหรับแผนงานครึ่งปีหลัง 2567 บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในประเทศจะมุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนร้านค้าปลีกดั้งเดิมที่กระจายสินค้าของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
รวมถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Shopee, Lazada และ TikTok ในส่วนของตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ส่งออกไปแล้วกว่า 17 ประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีกประมาณ 15 SKUs ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค และเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น รวมถึงการทำแคมเปญการตลาดแบบ 360 องศา
ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างการรับรู้ในแบรนด์ โดยมีแบรนด์แอมบาสเดอร์และอินฟลูเอนเซอร์ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ
สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมขนมขบเคี้ยวในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายโดยรวมของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจากภาครัฐ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภค
นอกจากนี้ การที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้มีความต้องการสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสของบริษัทฯ ในการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเป็นขนมขบเคี้ยวทางเลือกที่ดีกว่า (Better-For-You Snack) สำหรับผู้บริโภค
“CHAO มุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ที่มีศักยภาพสูงและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาที่เรามีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและมีโอกาสในการขยายตลาดอีกมาก
นอกจากนี้ เรายังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสุขภาพ ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต” นางสาวณภัทร กล่าว

ใส่ความเห็น