‘โอสถสภา’ โชว์ผลงานครึ่งแรกปี 67 เผยผลกำไรสุทธิ 1,433 ล้านบาท
เติบโต 7.9% YoY ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น
มั่นใจเติบโตตามแผนยุทธศาสตร์ ระยะยาว
‘บมจ. โอสถสภา (OSP)’ โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 เติบโตทั้งยอดขายและกำไรสุทธิ ทั้งธุรกิจเครื่องดื่มและผลิตภั ณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ทำยอดขายพุ่งทั้งในประเทศและต่ างประเทศ มีรายได้จากการขายรวม 7,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% (YoY) และเพิ่มขึ้น 1.2% (QoQ) ผลักดันโดยการเติบโตของกลุ่ มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ 11.2% (YoY) และ 0.4% (QoQ)
โดยมีแบรนด์ ‘เอ็ม-150’ ครองแชมป์อันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง และแบรนด์ ‘ซี-วิท’ ผู้นำตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนั ลดริงก์ที่โตเด่นทิ้งห่างคู่แข่ ง ควบคู่กับกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าผลิ ตภัณฑ์และบริหารจัดการต้นทุ นการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
รวมถึงการเติบโตของผลิตภัณฑ์ ของใช้ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นที่ 26.3% (YoY) และ 18.2% (QoQ) โดยบริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิที่ 604 ล้านบาท เติบโต 9.9% (YoY) เป็นกำไรจากการดำเนิ นงานปกติ (Profit from Operation) อยู่ที่ 923 ล้านบาท เติบโต 68.0% YoY และ 11.4% QoQ เป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิ ภาพในการบริหารต้นทุ นและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการที่บริษัทฯ มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลู กค้าและขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่ การดำเนินงานปกติสำหรับไตรมาสนี้ จากการด้อยค่าเงินลงทุนในบริษัท Basecamp Brews Limited (BCB) จำนวน 315 ล้านบาท
และการตั้งสำรองเงินให้กู้ยื มของบริษัท อินโนเวชั่น ออฟ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จํากัด (iEX) จำนวน 4 ล้านบาท ในส่วนของผลการดำเนินงานครึ่งปี แรกของปี 2567 บริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิ 1,433 ล้านบาท เติบโต 7.9% YoY และประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น พร้อมเดินหน้าผลักดันการเติ บโตตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว
นางสาวรติพร ราษฎร์เจริญ Group Chief Financial Officer บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่ อเนื่องทั้งตลาดในประเทศและต่ างประเทศ จากการขับเคลื่อนแผนยุทธ ศาสตร์ ระยะยาวที่มุ่งเน้นการสร้ างความแข็งแกร่งและขยายการเติ บโตให้กับธุรกิจหลัก (Core Business)
การใช้กลยุทธ์ความหลากหลายกลุ่ มผลิตภัณฑ์ (Brand Portfolio) และการเพิ่มมูลค่าผลิต ภัณฑ์ (Premiumization) เพื่อรองรับตลาดที่แบ่งเป็ นสองราคา นอกจากนี้ โอสถสภายังเดินหน้าขยายฐานกลุ่ มผู้บริโภคไปยังกลุ่มใหม่ๆ ที่มีอัตราการเติบโตสูง
ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ “เอ็ม-150” ที่ออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุ งกำลังในรูปแบบใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าที่กว้างขวางยิ่ งขึ้น อาทิ กลุ่มพนักงานออฟฟิศ หรือกลุ่มคนทั่วไปผู้มีไลฟ์ สไตล์ชื่นชอบการทำกิจกรรมที่ต้ องใช้พลังงาน
ส่งผลให้กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่ องดื่มบำรุงกำลังในประเทศเติ บโตอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส โดยในไตรมาส 2/2567 มีอัตราการเติบโตของรายได้ จากการขายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ มในประเทศ 4.0% YoY
และยังคงเป็นผู้นำตลาดเครื่ องดื่มบำรุงกำลังด้วยส่วนแบ่ งการตลาดรวม 46.4% โดยมีแบรนด์ “เอ็ม-150” ครองแชมป์อันดับ 1 อย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกันกั บตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริ งก์ที่โอสถสภาครองแชมป์อันดั บหนึ่งด้วยส่วนแบ่งการตลาด 45.9% เติบโต 3.8% YoY และ 3.0% QoQ
โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่ องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซี แบรนด์ “ซี-วิท” มีการเติบโตอย่ างโดดเด่นด้วยส่วนแบ่งการตลาดสู งสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 74.4% เติบโต 6.9% YoY ด้านรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่มในต่างประเทศเติบโต 32.5% YoY โดยปัจจัยหลักมาจากยอดขายที่เติ บโตในเมียนมาร์และลาว
ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุ คคล มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 26.3% YoY และ 18.2% QoQ จากการนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค สานต่อความสำเร็จจากการเป็นผู้ นำตลาดผลิตภัณฑ์สบู่เหลวอาบน้ำ เด็กด้วยส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ติดต่อกัน 8 ปีซ้อน (2559-2566)
เพื่อก้าวสู่ผู้นำตลาดเพอร์ซั นนัลแคร์และโฮมแคร์ในอนาคต โดยล่าสุดได้ออกแบรนด์ผลิต ภัณฑ์ ใหม่ภายใต้ชื่อ “Babi Mild & Beyond” ที่ถือเป็นการขยายพอร์ตโฟลิ โอเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่นอกเหนื อไปจากเดิมที่มุ่งเน้นไปที่ผลิ ตภัณฑ์สำหรับเด็กเพียงอย่างเดี ยว
โดยออกสินค้าใหม่ผสานนวัตกรรม “พรีไบโอติก” ตอบรับเทรนด์สุขภาพ รองรับความต้อง การผู้บริโภคที่ ครอบคลุมทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงวัย เสริมด้วยเครือข่ายกระจายสินค้ าและการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถครองใจและเข้าถึงกลุ่ มลูกค้าครอบคลุมทุกเซกเมนต์
“โอสถสภาเสริมสร้างความเป็นผู้ นำตลาดที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่ องในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ จากการเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่ มบำรุงกำลังพรีเมียมหรือกลุ่ มราคา 12 บาท และสร้างตลาดเครื่องดื่มบำรุ งกำลังราคา 10 บาท ‘เอ็มน้ำผึ้ง’ ให้ยั่งยืน พร้อมบริหารกลยุทธ์การตลาดที่ “ถูกจุด ตรงใจ ในที่ที่ใช่”
เพื่อผลักดันการเติบโตของผลิตภั ณฑ์ใหม่ ‘M-150 SPARKLING’ หรือ ‘มิโซซ่า’ ผ่านการใช้กลยุทธ์ไอดอล มาร์เก็ตติ้ง (Idol Marketing) ที่มีไลฟ์สไตล์สอดคล้องกับกลุ่ มเป้าหมายมาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ Gen Z และ Millennial จนได้รับผลตอบรับที่เกิ นความคาดหมาย
ในขณะที่กลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ ชันนัลดริงก์อย่าง ‘เปปทีน’ ‘เปปทีน ดริ๊งค์ดี’ และ ‘ซี-วิท’ ก็มีการเติบโตอย่างต่ อเนื่องจากทุกช่องทางการจั ดจำหน่าย ความสำเร็จของผลการดำเนิ นงานในไตรมาส 2/2567 ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันว่ าโอสถสภาสามารถขับเคลื่อนการเติ บโตได้ตามแผนยุทธศาสตร์ ระยะยาวที่วางเอาไว้
ทั้งนี้เพื่อรองรับโอกาสทางธุ รกิจและการลงทุนใหม่ๆ ที่จะส่งเสริมให้ธุรกิจหลัก (Core Business) เติบโตตามแผนยุทธศาสตร์ ระยะยาวและสอดคล้องกับเป้ าหมายการเติบโต 5 ปีของโอสถสภา บริษัทฯ ได้พิจารณาจำหน่ายเงินลงทุนในธุ รกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Business) รวมถึงเงินลงทุนที่โอสถสภามีสั ดส่วนการถือหุ้นส่วนน้อยหรือไม่ มีอำนาจควบคุม
อย่างไรก็ตาม สถานะทางการเงินของโอสถสภายั งคงแข็งแกร่งด้วยสัดส่วนหนี้สิ นที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่ วนของผู้ถือหุ้นในระดับต่ำที่ 0.01 เท่า สะท้อนความพร้อมในการเปิดรั บโอกาสการลงทุนเพื่อรองรั บการเติบโตทางธุรกิจ สร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจหลั กและผลักดันการเติบโตด้านใหม่ ในอนาคต โดยในครึ่งปีหลังโอสถสภามีแผนที่ จะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ต่อยอดการเติบโต พร้อมกับออกนวัตกรรมสินค้าที่ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริ โภค”
โอสถสภาพร้อมเดินหน้าสร้ างความแข็งแกร่งของธุรกิจด้ วยการนำเสนอสินค้านวัตกรรม เพิ่มอัตรากำไร ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิ ตและการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ตลอดจนเร่งการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจหลักเพื่ อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ส่งมอบผลตอบแทนที่ดี ในระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้น และมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นพลั งเพื่อชีวิตที่ยั่งยืนให้กับผู้ มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย