CIVIL มุ่งคว้างานใหม่ ดัน Backlog นิวไฮ 25,700 ล้านบาท เร่งส่งมอบงานต้นทุนเดิม เพิ่มประสิทธิภาพดำเนินงาน
CIVIL เผยทิศทางธุรกิจไตรมาส 3/2567 รับรู้รายได้งานก่อสร้างต่อเนื่อง เร่งส่งมอบงานเก่าสะท้อนราคาต้นทุนเดิม เพิ่มโอกาสเข้ารับงานโครงการศักยภาพภาครัฐ-เอกชน ดัน Backlog นิวไฮ 25,700 ล้านบาท รับรู้รายได้ถึงปี 2570
ชูกลยุทธ์การบริหารงานในภาวะเศรษฐกิจผันผวน พัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยระบบเทคโนโลยี ด้านงบครึ่งปีแรก 2567 รายได้รวม 2,308 ล้านบาท กำไรสุทธิ 46 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 9.3%
นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL ผู้นำบริษัทก่อสร้างครบวงจรชั้นนำของไทย เปิดเผยถึง ทิศทางธุรกิจช่วงไตรมาส 3/2567 บริษัทมุ่งเน้นการรับรู้รายได้จากความสามารถในดำเนินงานโครงการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย รวมถึงการบริหารสภาพคล่องของแต่ละโครงการ แผนการจัดการต้นทุนก่อสร้างทั้งด้านวัสดุ แรงงาน และ พลังงาน
อีกทั้ง บริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มโอกาสการเข้ารับงานก่อสร้างที่มีคุณภาพ สะท้อนต้นทุนปัจจุบัน และ สร้างการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2567 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถประมูลงานก่อสร้างสำเร็จในโครงการกลุ่มงานทาง และ โครงการอื่น ๆ มูลค่ารวม 5,281 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทสามารถส่งมอบงานสำเร็จจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ งานก่อสร้างทาง หลวงหมายเลข 9 ตอน บางปะอิน – แขวงรามอินทรา และ งานเปลี่ยนแปลงความสูงเสาไฟ รถไฟทางคู่ อีกทั้งบริษัทมีแผนเตรียมส่งมอบงานโครงการก่อสร้างจำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 3,300 ล้านบาท ภายในปีนี้
อาทิ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์, โครงการพัฒนาคูน้ำวิภาวดี ตอน 2, โครงการก่อสร้างสนามบินลำปาง สนามบินหัวหิน และ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่บางสะพานน้อย-ชุมพร
ปัจจุบัน บริษัทมีงานโครงการก่อสร้างในมือ (Backlog) มูลค่ารวม 25,700 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 8 กรกฎาคม 2567) ซึ่งถือเป็นสถิติโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท ประกอบไปด้วย งานที่บริษัทได้เซ็นสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มูลค่ารวม 11,500 ล้านบาท และงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา มูลค่ารวม 14,200 ล้านบาท สามารถรับรู้รายได้จากงานโครงการทั้งหมดต่อเนื่องจนถึงปี 2570
“แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างจะยังคงมีปัจจัยด้านการลงทุนภาครัฐที่ทรงตัวและอยู่ระหว่างการจัดสรรงบประมาณ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ตึงตัว และ ความผันผวนด้านต้นทุน ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับหลายบริษัทในด้านสภาพคล่องทางการเงินและการดำเนินงานก่อสร้างให้เป็นไปตามแผน
อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าเป็นโอกาสที่จะสร้างความได้เปรียบในอุตสาหกรรมจากการมี Backlog ที่สามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง การมีแผนการจัดการต้นทุนที่ดี การใช้ระบบเทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงดูแลผู้รับเหมาก่อสร้างอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินงานก่อสร้างตามกำหนด และ มีความปลอดภัย
พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการเข้ารับงานใหม่ที่มีศักยภาพทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้และความสามารถในการทำกำไรให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายปิยะดิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติม
ด้านผลประกอบการช่วงไตรมาส 2/2567 บริษัทมีรายได้รวม 1,278 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,171 ล้านบาท จำนวน 107 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9% และ มีกำไรสุทธิ 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท จำนวน 8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62%
ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้รวม 2,308 ล้านบาท กำไรสุทธิ 46 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 9.3% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 8.5%