NEWS

เมย์แบงก์ ชวนจับตามองตลาดหุ้นไทยพร้อมจบปี 2567 อย่างแข็งแกร่งด้วยปัจจัยหนุนที่ชัดเจน

เมย์แบงก์ ชวนจับตามองตลาดหุ้นไทยพร้อมจบปี 2567 อย่างแข็งแกร่ง ด้วยปัจจัยหนุนที่ชัดเจน

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (MST) ผู้นำด้านการลงทุน ซึ่งถือหุ้นโดย  เมย์แบงก์ ธนาคารอันดับ 1 ของมาเลเซีย คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นไทยจะปิดปี 2567 ได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยการฟื้นตัวจากปัจจัยเศรษฐกิจและการลงทุนหลายประการ โดยเฉพาะการสนับสนุนจากรัฐบาลและเงินทุนไหลเข้า พร้อมชวนจับตา มองกลุ่มหุ้นเด่นทะยานต่อเนื่อง

จากการวิเคราะห์ของทีมวิจัยเมย์แบงก์ ตลาดหุ้นไทย (SET) คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 โดย GDP ของไทยในไตรมาส 3 และ 4 คาดว่าจะขยายตัวถึง 2.9% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตในช่วงไตรมาส  1 และ 2 ปีนี้ที่ 1.5% และ 2.3% ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ การเติบโตของภาคการท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของการส่งออก

กองทุนวายุภักษ์: ตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด

กองทุนวายุภักษ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลถูกมองว่าเป็นตัวเร่งสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด โดยคาดว่ากองทุนนี้จะอัดฉีดเม็ดเงินใหม่มูลค่า 150,000 ล้านบาทเข้าสู่ตลาดหุ้นโดย ตรง ซึ่งอาจช่วยผลักดันดัชนี SET เพิ่มขึ้นได้ถึง 150-200 จุด ทีมวิเคราะห์ได้เลือกหุ้นที่น่าสนใจ เช่น กลุ่มธนาคาร (KTB, SCB, TTB) และกลุ่มพลังงาน (PTT, BCP) ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของตลาดในครึ่งหลังของปีนี้

กลยุทธ์การลงทุน: โอกาสทองในหุ้นกลุ่มเด่น

นักวิเคราะห์ของเมย์แบงก์แนะนำให้นักลงทุนพิจารณาลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตสูง โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, BH) และหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการเบิกจ่ายงบประมาณ (TASCO, CK) ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 นอกจากนี้ เมย์แบงก์ยังได้ปรับรายชื่อหุ้นแนะนำใหม่ โดยเพิ่ม CPN  และ BCP ซึ่งเป็นหุ้นคุณค่าที่แนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งซึ่งคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะถัดไป

แนวโน้มผลประกอบการในปี 2567 และ 2568

ทีมวิจัยของเมย์แบงก์คาดว่า EPS ของตลาดหุ้นไทยจะเติบโตขึ้น 18% ในปี 2567 และต่อเนื่องอีก 13% ในปี 2568 โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสื่อ วัสดุก่อสร้าง และการขนส่ง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตเด่นชัดที่สุด ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งและเสถียรภาพทางการเมืองที่ดีขึ้น จึงคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาให้ผลตอบแทนเป็นที่ดีและลดช่องว่างส่วนต่างผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยกับ ASEAN ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เชื่อมั่นว่าด้วยปัจจัยสนับสนุนทางเศรษฐกิจและการลงทุนที่แข็งแกร่ง จะเป็นแรงขับเคลื่อนต่อตลาดหุ้นไทยโดยวางเป้าดัชนี ณ สิ้นปี 2567 ที่ระดับ1520 จุด และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องเมื่อเข้าสู่ปี 2568 นักวิเคราะห์แนะนำให้จับตามองหุ้นกลุ่มเด่นที่มีศักยภาพในการเติบโต เพื่อตอบสนองต่อโอกาสในการลงทุนที่สำคัญในช่วงเวลานี้

นักลงทุนที่สนใจรับคำปรึกษาด้านการลงทุนจากมืออาชีพระดับโลก สามารถติดต่อเปิดบัญชีกับเมย์แบงก์ได้แล้ววันนี้ที่ App Maybank Invest หรือ ติดต่อได้ที่ 02 658 5050

ใส่ความเห็น