FINANCE

KBank Private Banking ชี้โอกาสความมั่งคั่งผ่านกองทุนหุ้นนอกตลาดจีน

KBank Private Banking ชี้โอกาสต่อยอดความมั่งคั่ง จากพลังการบริโภคมหาศาลในจีนผ่านกองทุนหุ้นนอกตลาดจีน ที่เน้นลงทุนกลุ่มเทคโนโลยี สุขภาพ และการบริโภค
KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นโลกตลอดปีนี้ยังคงผันผวน เพราะต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ที่คาดการณ์ได้ยาก รวมถึงความขัดแย้งทาง    ภูมิรัฐศาศตร์ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง
ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ในตลาดแทบทุกประเภทยังคงผันผวน ในฐานะผู้ให้คำแนะนำและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจึงแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด (Private Asset) ล่าสุดร่วมกับ KAsset และ Schroders นำเสนอโอกาสการลงทุนหุ้นนอกตลาดในจีนที่มีพลังการบริโภคมหาศาลด้วยจำนวนประชากรกลุ่ม Millennials กว่า 300 ล้านคน
ผ่านการลงทุนในกองทุนเปิดเคไชน่า ไพรเวทอิควิตี้ 24B ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (K-CHAPE24B-UI) ที่เน้นลงทุนอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับแผนการพัฒนาของจีน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี สุขภาพ และการบริโภค
ที่ล้วนเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนให้เติบโตอย่างคุณภาพ ผันผวนต่ำกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นจีน ถือเป็นการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่เหนือกว่า โดยมีกำหนดเปิดเสนอขายครั้งเดียวในระหว่างวันที่ 24 กันยายนถึง 7 ตุลาคมนี้ เริ่มต้นลงทุน 500,000 บาท
ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Senior Managing Director, Private Banking Business Head, Private  Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยในฐานะผู้ให้คำแนะนำและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนว่า KBank Private Banking เชื่อว่าการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นนอกตลาด (Private Equity) มีศักยภาพในการสร้างผลตอบ แทนควบคู่กับการลงทุนของพอร์ตการลงทุนแบบดั้งเดิม
อีกทั้งยังช่วยลดความผันผวน  เพราะราคาเคลื่อนไหวสอดคล้องกับผลการดำเนินงานและภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง จึงเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงการลงทุนในจีน เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะยังมีความกังวล  แต่ในความเป็นจริงแล้วหุ้นนอกตลาดจีน มีความผันผวนต่ำกว่าหุ้นในตลาด
เนื่องจากการประเมินมูลค่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอย่างดัชนีตลาดมากนัก แต่จะขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเป็นหลัก เช่น กำไร การเติบโต และศักยภาพในอนาคต ทำให้ผลตอบแทนของหุ้นนอกตลาดจีน ระหว่างปี 2554 – 2565 สูงกว่าหุ้นจีนในตลาดหลักทรัพย์ถึง 37 เท่า ในขณะเดียวกันพลังการบริโภคจำนวนมหาศาลของจีนที่มีจำนวนประชากรกลุ่ม Millennials สูงถึง 330 ล้านคน จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนให้เติบโตได้
โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาอัตราการเติบโต GDP ของจีนอยู่ที่ 5.2%  ซึ่งเติบโตมากกว่าสหรัฐฯ ถึง 2 เท่า ถือเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในจีนด้วยการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นนอกตลาดจีน
ในปีนี้ KBank Private Banking ร่วมกับบลจ.กสิกรไทย หรือ KAsset  และ Schroders อย่างต่อเนื่องจากที่ปีก่อนหน้านี้ได้ระดมทุนเพื่อลงทุนในหุ้นจีนนอกตลาดในกองทุนเปิดเค ไชน่า ไพรเวทอิควิตี้ 23A ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ K-CHAPE23A-UI มูลค่าถึง 145 ล้านหยวน หรือประมาณ 680 ล้านบาท
โดยนำเสนอกองทุนเปิดเค ไชน่า ไพรเวทอิควิตี้ 24B ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ K-CHAPE24B-UI ที่ลงทุนในหุ้นนอกตลาดในจีน โดยเน้นลงทุนอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับแผนการพัฒนาของจีน ได้แก่ เทคโนโลยี สุขภาพ และการบริโภค เช่น ลงทุนในบริษัท ChinaBridge (ไชน่าบริดจ์) ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเครื่องเอคโม่ (ECMO) เครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้พยุงหัวใจและปอด
ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายแรกในประเทศและได้รับการรับรองให้จำหน่ายได้ในจีน มีศักยภาพเติบโตสูง เพราะปัจจุบันมีเพียงไม่กี่บริษัทในโลกที่สามารถผลิตเครื่องเอคโม่ได้ อีกทั้งยังคาดว่าภายในปีนี้จะสามารถไปจำหน่ายในสหรัฐฯ
ซึ่งยังขาดแคลนเครื่องเอคโม่อยู่ โดยกองทุนจะลงทุนประมาณ 70% ในธุรกิจ ช่วงที่เติบโตซึ่งต้องการเงินทุนเพื่อขยายกิจการ (Growth Capital) และอีกประมาณ 30% ในธุรกิจที่อาจยังไม่สร้างรายได้ (Venture Capital)
แต่ต้องการเงินทุนมาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการหรือระบบธุรกิจผ่านการซื้อขายในตลาดรองซึ่งมีระดับราคาที่น่าสนใจ หรือเป็นการร่วมลงทุนในกลุ่มบริษัทที่เป็นผู้นำตลาดในอนาคต และยังมีการกระจายการลงทุนในหลายมิติ ทั้งด้านอุตสาหกรรม ช่วงของธุรกิจ ลักษณะการร่วมลงทุนและลงทุนในกว่า 200 บริษัท ใช้ระยะเวลาการลงทุนเพียง 8 ปี 3 เดือน
ซึ่งสั้นกว่ากองทุนหุ้นนอกตลาดทั่วไป และลงทุนครั้งเดียวไม่ยุ่งยากเหมือนกองทุนหุ้นนอกตลาดทั่วไปที่มักเรียกเงินลงทุนหลายครั้ง และลดความเสี่ยงการถูกเรียกเงินคืนกรณีกองทุนต่างประเทศต้องการเงินทุนเพิ่ม
นายจุน เฉียน Head of Private Equity China, Schroders Capital,Schroders กล่าวว่า ความพิเศษของกองทุนนี้คือ เน้นลงทุนในหุ้นนอกตลาดในประเทศจีนที่มีการระดมทุนในสกุลเงินหยวน ซึ่งมีปริมาณธุรกรรม และตัวเลือกในการลงทุนที่มากกว่าการระดมทุนในสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ
โดยปัจจุบัน บริษัทนอกตลาดในจีนมีการระดมทุนเป็นสกุลเงินหยวนมากกว่า 90% ของมูลค่าเงินที่ระดมทุนในจีน แต่มีบริษัทต่างชาติเพียงไม่กี่รายที่ได้รับใบอนุญาตในการลงทุนในหุ้นนอกตลาดในสกุลเงินหยวนในประเทศจีน ที่เรียกว่า QFLP ซึ่ง Schroders เป็นหนึ่งในนั้น
ทำให้มีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย และด้วยสภาพตลาดปัจจุบัน ระดับราคาของกองทุนในตลาดรองในสกุลหยวน มีระดับราคาที่น่าสนใจกว่า และมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนในตลาดรองที่เป็นสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ
ดร.ตรีพล กล่าวปิดท้ายว่า ในภาวะเศรษฐกิจในจีนที่ยังไม่แน่นอน มูลค่าของหุ้นนอกตลาดในจีนไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวสารหรือสถานการณ์รายวัน ทำให้มีความผันผวนน้อยกว่าหุ้นในตลาด ช่วยให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงได้ดีขึ้
อีกทั้งเปิดโอกาสในการเข้าถึงบริษัทหลายแห่งในจีนที่อยู่นอกตลาดซึ่งมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและมีศักยภาพในการเติบโตสูง แม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังคงให้การสนับสนุนภาคเอกชนและมีนโยบายส่งเสริมการลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของบริษัทนอกตลาดในระยะยาว
ดังนั้นเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างกำไรให้กับพอร์ตลงทุนในอนาคต KBank Private Banking เชื่อว่าการลงทุนในกองทุนเปิดเค ไชน่า ไพรเวทอิควิตี้ 24B ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย จะช่วยกระจายความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนจากสินทรัพย์ดั้งเดิมอย่างหุ้นและตราสารหนี้ และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนได้
ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นนอกตลาดจีนที่บริหารโดย Schroders Capital ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2566 ให้ผลตอบแทน IRR ที่ 12.8% ต่อปี ในขณะที่ผลตอบแทนของการลงทุนดัชนีหุ้นจีน MSCI China USD ด้วยกระแสเงินสดและจังหวะเวลาการลงทุนที่เหมือนกันจะอยู่ที่  -5.3% ต่อปี

ใส่ความเห็น