เดอะวิสดอมกสิกรไทย สแกนโอกาสลงทุน 3 ดาวรุ่งแห่งเอเชีย อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม
เดอะวิสดอมกสิกรไทย จัดสัมมนา “THE WISDOM Wealth Decoded: จับตาการกลับมาของเศรษฐกิจเอเชี ย ท่ามกลางมรสุมโลก” สแกนเศรษฐกิจ 3 ดาวรุ่งเอเชีย อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนามที่มีปัจจัยพื้ นฐานแข็งแกร่งทั้ง GDP โครงสร้างประชากร และรายได้ต่อหัวประชากรที่สูงขึ้ น แนะการประกาศลดอัตราดอกเบี้ ยของ FED เป็นโอกาสลงทุนตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ฝั่งเอเชีย
นายพิชัย ยอดพฤติการ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส บมจ. หลักทรัพย์กสิกรไทย เปิ ดเผยว่า กลุ่มประเทศเอเชียที่เป็นดาวรุ่ ง น่าจับตามองสำหรับการลงทุนในช่ วงนี้คือ อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม พิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานที่สำคั ญต่อการเติบโตของเศรษฐกิ จในประเทศ ได้แก่ GDP โครงสร้างประชากร และรายได้ต่อหัวของประชากรที่สู งขึ้น ส่งผลดีต่อการบริ โภคภายในประเทศ
อินเดีย โตต่อเนื่องจากเงินลงทุนโครงสร้ างพื้นฐานของรัฐฯ และนโยบายลงทุนลดหย่อนภาษี
อินเดีย มีโครงสร้างประชากรที่แข็งแกร่ง ด้วยจำนวนประชากรที่มากที่สุ ดในโลก และอัตราการเติบโต 0.8% ต่อปี ส่งผลให้มีวัยแรงงานสูงและชนชั้ นกลางขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศสู งถึง 60% ของ GDP รัฐบาลอินเดียเดินหน้าแผนสนั บสนุนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ทั้งการลงทุนในโครงสร้างพื้ นฐานมูลค่ารวมกว่า 1.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนช่วยผลักดั นให้ GDP เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 8% การออกแบบนโยบาย Systematic
Investment Plans หรือ SIPs ที่สนับสนุนให้คนอินเดี ยเก็บออมเงินเพื่อการเกษียณ และนำเงินไปลงทุนผ่านกองทุนหุ้ นเป็นประจำ
รวมทั้งสามารถลดหย่อนภาษีได้ด้ วย ส่งผลให้มีเงินทุนเข้าสู่ ตลาดเป็นจำนวนกว่า 9 หมื่นล้านบาททุกเดือน อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ตลาดอินเดียอาจเกิดความผั นผวนจากแรงขายทำกำไร แต่ในระยะยาว ยังซื้อลงทุนได้ แนะนำกองทุน K-INDIA-A
อินโดนีเซีย ลงทุนสร้างเมืองหลวงใหม่ และออกนโยบายห้ามส่งออกแร่ดิ บหนุนอุตสาหกรรมรถ EV
อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีโครงสร้ างประชากรแข็งแกร่งเช่นกัน โดยมีจำนวนประชากรมากที่สุดในภู มิภาคอาเซียน และเป็นอันดับที่ 4 ของโลก สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลดีต่ อเศรษฐกิจ คือรัฐบาลอินโดนีเซียมีการดำเนิ นนโยบายสำคัญ 2 ประการ
ได้แก่ การย้ายเมืองหลวงใหม่ ซึ่งจะมีการลงทุนมูลค่า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 20 ปีข้างหน้า และนโยบาย “Downstream Policy” ที่ห้ามส่งออกแร่ดิบ โดยเฉพาะแร่นิกเกิลซึ่งเป็นวั สดุสำคัญในการผลิตแบตเตอรีสำหรั บยานยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้บริษัทที่ต้องการใช้แร่ นิกเกิลจำเป็นต้องตั้ งโรงงานภายในประเทศ
ซึ่งช่วยสร้างงานและเพิ่มมูลค่ าให้กับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ของอินโดนีเซีย ทั้งนี้ อินโดนีเซียยังเป็นตลาดที่เข้ าลงทุนได้ แต่ต้องจับตาอุตสาหกรรมสินค้ าโภคภัณฑ์ เพราะมีผลต่อการขึ้นลงของราคาหุ้ น รวมถึงค่าเงินรูเปียมีทิศทางอ่ อนค่า อาจทำให้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ ยนได้
เวียดนาม ต้นทุนแรงงานต่ำ ฐานการผลิตใหม่ของโลก
เวียดนาม เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ด้วยโครงสร้างประชากรที่มีวั ยแรงงานจำนวนมาก ชนชั้นกลางมีรายได้มากขึ้น นอกจากนี้ เวียดนามยังมีต้นทุนแรงงานต่ำ ประกอบกับการที่รัฐบาลมี บทบาทสำคัญในการส่งเสริมการลงทุ นจากต่างประเทศ
โดยได้เจรจาความร่วมมือกับบริษั ทชั้นนำระดับโลก เช่น Apple, Samsung และ Nike ส่งผลให้เวียดนามกลายเป็ นฐานการผลิตใหม่ของโลก มีส่วนช่วยให้การลงทุ นโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เติบโตอย่างรวดเร็ว อีกทั้งตลาดหุ้นเวียดนามยังมี ความสัมพันธ์กับตลาดหุ้ นโลกในระดับต่ำ ทำให้การลงทุนในพอร์ตของนักลงทุ นมีความสมดุลมากขึ้น สามารถลงทุนระยะยาวได้
FED ลดอัตราดอกเบี้ย โอกาสลงทุนตราสารหนี้
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ ยนโยบาย 0.50% มาที่ระดับ 4.75-5.00% เป็นการปรับลดอั ตราดอกเบี้ยครั้ งแรกของเฟดในรอบกว่า 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งส่งผลดีต่อตราสารหนี้โดยตรง
โดยเฉพาะตราสารหนี้ฝั่ งประเทศเอเชีย เนื่องจากราคายังไม่แพง ต่างกับตราสารหนี้สหรัฐฯ ที่มีการปรับราคาขึ้นรับข่ าวการลดดอกเบี้ยไปล่วงหน้าแล้ว นอกจากนี้ยังมีกองทุนอสังหาฯ และโครงสร้างพื้นฐานที่จะได้ ประโยชน์จากการลดอัตราดอกเบี้ ยเช่นกัน
ทั้งนี้ มี 3 กองทุนแนะนำ ที่น่าสนใจลงทุนในช่วงเวลานี้ ได้แก่
-
K-APB-A(A) เน้นลงทุนตราสารหนี้
ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ผ่านกองทุน LO Funds – Asia Value Bond Fund, (USD), NA (กองทุนหลัก) -
K-GINFRA-C(A) ลงทุนในหุ้น และ REITs ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโครงสร้
างพื้นฐานทั่วโลก เช่น คลังน้ำมัน เครือข่ายโทรคมนาคม ไฟฟ้า เป็นต้น -
K-VIETNAM ลงทุนในหุ้นเวียดนามคุณภาพดี มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง