“บมจ.โรงพยาบาลนครธน” ประเมินแนวโน้มธุรกิจให้บริ การทางการแพทย์เติบโต
รับโอกาสเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ ายดูแลสุขภาพและปัจจั ยบวกหลากหลาย มั่นใจศักยภาพทำเลพระราม 2 เดินหน้าขยายการลงทุนเพิ่มศั กยภาพรองรับผู้ป่วย
“บมจ.โรงพยาบาลนครธน” มองแนวโน้มธุรกิจให้บริ การทางการแพทย์ในประเทศไทยเติ บโต จากโอกาสการเพิ่มขึ้นของค่าใช้ จ่ายการดูแลสุขภาพต่อคนต่อปี ของคนไทยที่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ ยทั่วโลกและอาเซียน
รวมถึงอานิสงส์จากปัจจัยบวกอื่ นๆ ด้านผู้บริหารมั่นใจในศั กยภาพทำเลพระราม 2 ซึ่งเป็นที่ตั้ งของโรงพยาบาลนครธน ที่มีแนวโน้มจะเป็น “เขตเมืองใหม่” ของกรุงเทพฯ ในอนาคต จึงรุกขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มศั กยภาพรองรับผู้ป่วย พร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบี ยนในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทย
รองศาสตราจารย์ ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการ บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจให้บริ การทางการแพทย์ในประเทศไทยมี แนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการที่คนไทยมีโอกาสเพิ่ มการใช้จ่ายเพื่อการดูแลสุ ขภาพมากขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายเพื่อการดู แลสุขภาพของประเทศไทยในปี 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 364 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ซึ่งต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลกที่มีค่าเฉลี่ย 1,384 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี
และประเทศในกลุ่มอาเซียนที่มีค่ าเฉลี่ย 631 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี รวมถึงต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ที่มีค่าเฉลี่ยสูงถึง 7,288 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจากการเติ บโตของธุรกิจประกันสุขภาพ โดยภาพรวมค่าเบี้ยประกันสุ ขภาพและค่าเบี้ยประกันชีวิตที่ มีสัญญาสุขภาพเพิ่มขึ้นจาก 78,451.31 ล้านบาทในปี 2561 เป็น 115,609.96 ล้านบาทในปี 2566
รวมถึงปัจจัยบวกจากสัดส่วนผู้สู งอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้ นจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ของประเทศไทย โดยคาดว่าสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป (กลุ่มผู้สูงอายุ) จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 31.37% ของประชากรทั้ งหมดภายในปี 2583 จากสิ้นปี 2566 ที่มีสัดส่วนประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ ที่ส่งผลดีต่อโอกาสเติบโตของธุ รกิจโรงพยาบาลเอกชน เช่น การขยายตัวของชุมชนเมืองอาจส่ งผลให้โอกาสขยายบริ การทางการแพทย์เพื่อรองรับผู้ป่ วยเพิ่มขึ้น, การเติบโตของกลุ่มชนชั้นกลางที่ มีกำลังซื้อและต้ องการความสะดวกในการรั กษาพยาบาล, การเจ็บป่วยจากจำนวนโรคเฝ้าระวั ง โรคอุบัติซ้ำ และโรคอุบัติใหม่ที่มีแนวโน้ มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลต่ออัตราการเจ็บป่วยและเสี ยชีวิตจากโรคติดต่อไม่ร้ายแรงที่ สูงขึ้น ฯลฯ
ทั้งนี้ จากปัจจัยบวกต่อธุรกิจให้บริ การทางการแพทย์ และโอกาสเติบโตของธุรกิ จโรงพยา บาลเอกชนในประเทศไทย โดยเฉพาะการขยายตัวของชุมชนเมื องในย่านพระราม 2 ซึ่งเป็นที่ตั้ งของโรงพยาบาลนครธน บริษัทฯ มองว่าพระราม 2 เป็นทำเลศักยภาพที่มีแนวโน้ มจะเป็น “เขตเมืองใหม่” ของกรุงเทพฯ ในอนาคต
โดยปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ อาศัยจำนวนมาก โรงเรียนนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ตลาดนัด ซุปเปอร์มาร์เก็ต และสถานที่ราชการสำคัญ เช่น สำนักงานเขตบางขุน เทียน, สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางขุนเทียน โดยถนนพระราม 2 เป็นทาง หลวงสายหลักที่มุ่งสู่ฝั่ งตะวันตกของกรุงเทพฯ
และภาคใต้ของประเทศ มีทางด่วนสายพระราม 3 – ดาวคะนอง และถนนวงแหวนตะวันตกเชื่อมต่ อการเดินทางสู่ใจกลางกรุงเทพฯ อีกทั้งในปัจจุบันอยู่ระหว่ างการก่อสร้างโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดิ นทางยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน โรงพยาบาลนครธนมีจุดเด่ นหลากหลาย ได้แก่ เป็นหนึ่งในโรงพยายาลชั้ นนำของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกที่มีความเชี่ ยวชาญและเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ทันสมัย, มีฐานลูกค้าจำนวนมากจากการดำเนิ นงานมากว่า 28 ปี, มีความร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้ นนำจัดตั้งศูนย์การแพทย์รั กษาโรคซับซ้อนและโรคทั่วไปเพื่ อขยายฐานผู้ใช้บริการ,
ความพร้อมให้บริการดูแลรักษาสุ ขภาพของผู้ใช้บริการทุกช่วงวัย, บริการทางการแพทย์ที่ได้ มาตรฐานสากล โดยทีมแพทย์และบุ คลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ ยวชาญเฉพาะด้านหลากหลายสาขา ตลอดจนโครงการในอนาคตที่มีจุดมุ่ งหมายที่จะเป็นผู้ นำโรงพยาบาลประกันสังคม จึงได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ ใช้บริการต่อเนื่อง
ดร.วิศาล สายเพ็ชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิ จให้บริการทางการแพทย์และปัจจั ยบวกอื่นๆ บริษัทฯ ได้วางแผนขยายการลงทุนโครงการต่ างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับผู้ป่ วยมากขึ้น ได้แก่
1) โครงการการขยายจำนวนเตี ยงของโรงพยาลนครธน จาก 150 เตียง เป็น 260 เตียง ทั้งการเพิ่มจำนวนห้องพิเศษ (VIP) และห้องดูแลแบบประคับประคอง เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้ นของจำนวนผู้ป่วยและความต้ องการห้องพักที่กว้างขวางและสิ่ งอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น 2) โครงการโรงพยาบาลนครธน 2 บนถนนเอกชัย สำหรับผู้ประกันตน (ประกันสังคม) และผู้รับบริการทั่วไปขนาด 151 เตียง
และ 3) โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ เพื่อเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และผู้มีภาวะพึ่งพิงแบบองค์รวม ขนาด 85 เตียง ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ ยวชาญเฉพาะทางด้านผู้สูงอายุ (Geriatric Doctor) และการให้บริการดูแลสุขภาพเพื่ อเสริมสร้างสุขภาพแบบองค์รวม (Wellness Services) แก่ผู้ที่ให้ความสำคัญกับการดู แลรักษาสุขภาพ
แพทย์หญิง ศิเรมอร ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานแพทย์ บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลนครธนมีศักยภาพที่ จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความสามารถในการรักษาโรคที่ มีความซับซ้อน (โรงพยาบาลระดับตติยภูมิ) ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทั นสมัยและมีบุคลากรทางการแพทย์ทั้ งในสาขาอายุรศาสตร์ เฉพาะทางและสาขาเฉพาะทางอื่นๆ
โดยปัจจุบันมีศูนย์การแพทย์ เฉพาะทาง 20 ศูนย์ โดยแพทย์ผู้เชี่ ยวชาญเฉพาะทางสาขาต่างๆ เพื่อรองรับผู้ป่วย อาทิ ศูนย์สมองและระบบประสาท, ศูนย์หัวใจ, ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ, ศูนย์กระดูกสันหลัง, ศูนย์มะเร็ง, ศูนย์ทันตกรรม ฯลฯ และมีแผนกไตเทียม ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการเพิ่ มศักยภาพรักษาผู้ป่วย เพื่อตอบสนองการดูแลสุขภาพเชิ งป้องกันและการรักษาแบบองค์รวม
ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างเดินหน้าเข้าจดทะเบี ยนในตลาดหลักทรัพย์แห่ งประเทศไทย (SET) เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิ จและฐานเงินทุน โดยหลังจากได้ยื่นแบบคำขออนุ ญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมู ลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุ นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
ซึ่งคาดว่ามีจำนวนไม่เกิน 135,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 25.23 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลั งการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุ นของบริษัทฯ ครั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิ จารณาของสำนักงาน ก.ล.ต.
โดยในเบื้องต้นบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้รั บจากการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ไปใช้ลงทุ นโครงการโรงพยาบาลนครธน 2 โครงการนครธน ลองไลฟ์ เซ็นเตอร์ (Nakornthon Long Life Center) โครงการขยายจำนวนเตี ยงให้บริการของโรงพยาบาลนครธน ชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวี ยนการดำเนินธุรกิจ