NEWS

GBS บุกหนัก Private Fund ปีแรกตุนยอดAUM เข้าพอร์ต 200 ลบ. ลุยปี68 ปั้นยอด AUM แตะ500 ลบ.

GBS บุกหนัก Private Fund ปีแรกตุนยอด AUM เข้าพอร์ตแล้ว 200 ล้านบาท สั่งลุยต่อปี 68 ปั้นยอด AUM แตะ 500 ล้านบาท

บล.โกลเบล็ก จำกัด (GBS) ปักหมุดให้บริการด้านการลงทุนในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) เพิ่มขึ้น หลังประสบความสำเร็จปีแรกกวาดยอดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) แล้ว 200 ล้านบาท

ด้าน CEO “ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ” ตั้งเป้าปี 2568 ยอด AUM แตะ 500 ล้านบาท ลุยลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในตลาดหุ้นไทย หลังภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นรับดอกเบี้ยขาลง

นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด (GBS) เปิดเผยว่า หลังจากประสบความสำเร็จในการให้บริการด้านการลงทุนในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ตลอดระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ส่งให้บริษัทฯ มียอดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) 200 ล้านบาท

ภายใต้การบริหารของทีมงานผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ ทั้ง 3 ท่าน ประกอบด้วย คุณฐิติพันธ์ ไผ่ศิริกุล Head of Private fund คุณอิศรา ปวรทิตา Senior Fund manager และคุณชัยรัตน์ คงสุนทร Fund Manager

ดังนั้นบริษัทฯ เดินหน้าการให้บริการด้านการลงทุนในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปี 2568 แตะระดับ 500 ล้านบาท จากการมุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยอิงกับปัจจัยพื้นฐาน เทคนิค

โดยเฉพาะหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ถือเป็นจังหวะการลงทุนที่ดีที่สุด ซึ่งกองทุนส่วนบุคคลของ บล.โกลเบล็ก เปิดรับการลงทุนของลูกค้าขั้นต่ำเพียง 3 ล้านบาท และยังสามารถโอนหุ้นที่ติดอยู่ในพอร์ตการลงทุนรวมเป็นเงินลงทุนเริ่มต้นได้

“กลุ่มนักลงทุนที่สนใจลงทุน และไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาดที่มีความผันผวนค่อนข้างมากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถเลือกใช้บริการของกองทุนส่วนบุคคลของ “โกลเบล็ก” ได้เพราะทีมผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้ติดตามและปรับพอร์ตการลงทุนของลูกค้าให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์การลงทุน”

ปัจจุบัน “โกลเบล็ก” มีสัดส่วนรายได้ค่านายหน้าจากโบรกเกอร์ ประมาณ 32.07% ส่วนการให้บริการด้านการลงทุนในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ประมาณ 1.05% ที่เหลือเป็นอื่นๆ อาทิ การทำธุรกรรมซื้อขายตราสารหนี้ และสัญญาซื้อคืน (Sale buy back),  ผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ (Underwriter)

และให้บริการด้านการเป็นตัวแทนซื้อขายกองทุนรวม (Wealth Management) รวมไปถึงบริการ Block trade คิดเป็นประมาณ รวมอื่นทั้งหมด 66.88% ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2568 มีการเติบโตประมาณ 20% เมื่อเทียบจากปี 2567

ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนหันมาใช้บริการด้านการลงทุนในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ของ บล.โกลเบล็ก ดังนี้

1.บริหารกองทุนโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ มากกว่า 13  ปี โดยมีการใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลักและปัจจัยทางเทคนิคช่วยประกอบการตัดสินใจ

2.มีความยืดหยุ่นในการบริหารและปรับสัดส่วนเงินลงทุนโดยสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ ร้อยละ 0-100 โดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่กระทบตลาดและหลักทรัพย์อย่างใกล้ชิด

3.มีนโยบายการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตและมีระดับการตัดขาดทุนที่ชัดเจน และ 4.สามารถ ลงทุนและไถ่ถอน ได้ตลอดไม่มี Lock up penalty

สำหรับแนวโน้มนโยบายการเงินและทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 ทาง CEO บล.โกล เบล็ก  มองภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว หลังจากดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ช่วงขาลงที่ชัดเจนมากขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 และคาดว่าจะลดลงอีก 0.50% ในการประชุมที่เหลือสองครั้งในปีนี้

และสำหรับประเทศไทยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว 0.25% เมื่อเดือนตุลาคม และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568

อีกทั้ง ทางภาครัฐเองก็มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายต่างๆ ทั้งการแจกเงิน 10,000 บาทในเฟสแรก ช่วยกระตุ้นรากหญ้า โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่จะมีการใช้จ่ายอุปโภค บริโภคโดยตรง ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวยังเติบโตได้ตามเป้าหมาย และมีโอกาสเกินเป้าหมายที่นำวิเคราะห์ในตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 35-36 ล้านคนในปีนี้

อีกทั้ง การมีเม็ดเงินใหม่เข้าหนุนตลาดผ่านกองทุนรวม TESG และกองทุนวายุภักษ์ เข้ามาช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มขึ้น ช่วยเสริมความน่าสนใจในหุ้นไทยเพิ่มขึ้น และการเคลื่อนไหวของกรอบดัชนีในปัจจุบันซื้อขายอยู่ในระดับ 1,450-1,460 จุด คิดเป็น Forward PER ของปี 2025 ที่ระดับ 14.6 เท่า และ PBV ที่ระดับ 1.37 เท่า ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีต

ใส่ความเห็น