บล.บลูเบลล์ จัดงานใหญ่เปิดประเดิมต้นปี ผนึกบิ๊ก บลจ. ชั้นนำ ร่วมแชร์มุมมองลงทุนปี 68 พร้อมชี้ทางจัดพอร์ตรับมือเศรษฐกิจการค้าโลกปลี่ยน ปรับโฟกัสสินทรัพย์ทั่วโลก ชี้เป้าตราสารหนี้ หุ้นทั้งไทยและต่างประเทศ ชูตลาดหุ้นสหรัฐ–เวียดนาม–อินเดีย ยังน่าลงทุน
นางสาวนริศรา ชัยวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์บลูเบลล์ จำกัด (บล.บลูเบลล์) เปิดงานสัมมนาใหญ่ “Make It Great: The Vision 2025 – Great Journey. Great Investment.” พร้อมด้วยกูรูการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำ ได้แก่ บลจ.เกียรตินาคินภัทร บลจ.พรินซิเพิล และ บลจ.แอสเซท พลัส ร่วมแบ่งปันมุมมองพร้อมเสิร์ฟกลยุทธ์การลงทุนให้สอดรับกับสภาวะเศรษฐกิจการค้าโลกในปี 2568
ขณะที่ น.ส.สิฏ์ระสา บุญ–หลง ประธานสายงานการตลาด บล. บลูเบลล์ เปิดเผยว่า บล.บลูเบลล์ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันยืนอันดับ 5 ของธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ในตลาด มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการจัดจำหน่ายหุ้นกู้และเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนแบบครบวงจร
สำหรับการจัดงานสัมมนาครั้งนี้เป็นการผนึกกำลังร่วมกับ 3 บลจ. ชั้นนำ เพื่อนำเสนอมุมมองการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มการเติบโตโดดเด่นทั่วโลก รวมถึงแนะนำกลยุทธ์ที่เหมาะสมท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงเพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนให้สามารถบรรลุเป้าหมายการสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้
เปิดมุมมอง 3 บิ๊กบลจ.แนะทางลงทุน
โดย บลจ.เกียรตินาคินภัทร ระบุว่า ตราสารหนี้ยังมีแนวโน้มที่ดี โดยพันธบัตรรัฐบาลไทยยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ โดยมีโอกาสที่ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 1 ครั้งในปี 2568 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้แนะนำกองทุน KKP ACT FIXED ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน
ด้าน บลจ.พรินซิเพิล มองว่าการลงทุนในหุ้นโลกที่มีศักยภาพเติบโตสูงยังเป็นทางเลือกที่ดี และมองเศรษฐกิจสหรัฐฯยังขยายตัวได้ดี จึงเป็นโอกาสเข้าลงทุนในตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐยังเป็นตัวเลือกเด่น
ดังนั้นจึงแนะนำกองทุน PRINCIPAL GLEADER ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงที่เติบโตยั่งยืน เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว นอกจากนี้ กองทุน PRINCIPAL VNEQ ก็ได้รับความสนใจจากโอกาสการอัปเกรดตลาดหุ้นเวียดนามสู่ดัชนี FTSE Emerging Market Index
ส่วน บลจ.แอสเซท พลัส ระบุว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มเติบโตจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การลดภาษีนิติบุคคลและสนับสนุนธุรกิจในประเทศ กองทุน ASP-USSMALL เน้นการลงทุนในหุ้นขนาดเล็กคุณภาพสูง ขณะที่ASP-DIGIBLOC มุ่งเน้นสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชนที่ได้รับแรงสนับสนุนจากการอนุมัติ Bitcoin ETF
ชูแนวคิด Core & Satellite Portfolio
อย่างไรก็ดี นายศุภกฤต พิทักษ์พรเกษม, CISA ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บล.บลูเบลล์ กล่าวว่า ในปี 2568 ถือเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสการลงทุน การจัดพอร์ตการลงทุนอย่างมีกลยุทธ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
โดยแนวคิด Core & Satellite Portfolio ถูกนำเสนอเป็นแนวทางหลักในการวางแผนการลงทุนเพื่อตอบสนองต่อความไม่แน่นอนของตลาดและเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลตอบแทน
ตราสารหนี้ชั้นดีต้องมีติดพอร์ต
Core Portfolio ควรเน้นสินทรัพย์มั่นคง เช่น ตราสารหนี้ที่ได้รับผลดีจากแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2568 และหุ้นคุณภาพสูงทั่วโลกที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดีย และ เวียดนาม ซึ่งช่วยสร้างฐานการลงทุนที่มั่นคงในระยะยาว
ถึงเวลาของหุ้นไซส์เล็กสหรัฐ
Satellite Portfolio ควรมุ่งเน้นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพสร้างผลตอบแทนสูงในระยะสั้นถึงกลาง เช่น หุ้นขนาดเล็กในสหรัฐฯ ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และหุ้นกลุ่ม Digital Asset ที่พร้อมได้รับนโยบายสนับสนุนจากสหรัฐฯในปีนี้
สุดท้ายนี้ การผสมผสานสินทรัพย์ใน Core Portfolio และ Satellite Portfolio จะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยักษ์ลงทุน