บลจ.อีสท์สปริง เดินหน้าพัฒนากองทุนตอบโจทย์ทุกสภาวะตลาด หนุน AUM โตแซงอุตสาหกรรม พร้อมเปิดมุมมองลงทุนปี 68 ปักหมุด ตลาดเอเชีย–ตลาดเกิดใหม่ มีปัจจัยบวกหนุนสู้เศรษฐกิจโลกผันผวน โฟกัสตลาดหุ้นไทย ชี้มาตรการและการลงทุนภาครัฐเป็นฟันเฟืองสำคัญหนุนให้ไปต่อ มองดัชนีปีนี้ในกรอบ 1,270-1,350 จุด
นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึงกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2568 ว่า ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบสนองความต้องการนักลงทุนทุกกลุ่มในสถานการณ์ที่ทั่วโลกยังเผชิญความผันผวน ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจและสงครามการค้าจากนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
สิ่งสำคัญคือการติดตามข้อมูลข่าวสารและให้คำแนะนำอย่างรวดเร็วแม่นยำ โดย บลจ.อีสท์สปริง ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้นักลงทุนได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุน
พัฒนากองทุนหนุน AUM โตแซงอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ ด้วยการดำเนินงานเชิงรุก ในปีที่ผ่านมา บลจ.อีสท์สปริง มีอัตราเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) รวม 14% ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปี 2024
โดยแบ่งเป็น ธุรกิจกองทุนรวม เติบโต 14.93% ธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เติบโต 10.16% และ ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล 7.31% สูงกว่าอุตสาหกรรมธุรกิจการจัดการกองทุนAUM รวมเติบโตเกือบ 10%
อย่างไรก็ดีในปี 2568 นี้ บริษัทมุ่งมั่นจะสร้างการเติบโตของ AUM ให้สูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม ผ่านการออกกองทุนใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของกองทุนเดิมที่มีอยู่ด้วยนวัตกรรมใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนในระดับที่ดีและเอาชนะเงินเฟ้อได้อย่างต่อเนื่อง
ฉายภาพมุมมองการลงทุนทั่วโลก
ด้านนายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง เผยมุมมองต่อการลงทุนในปีนี้ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีน จะเป็นตัวแปรของการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง โดยนโยบายรัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ยังคงให้น้ำหนักความน่าสนใจลงทุนในตลาดเอเชีย อินเดีย ญี่ปุ่น เป็นต้น แนะนำกลยุทธ์เลือกลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี กลยุทธ์ที่จำกัดความผันผวน (Low Valatility) และกลยุทธ์หุ้นปันผลสูง
ชี้การลงทุนภาครัฐพระเอกหนุนตลาดหุ้นไทย
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยให้น้ำหนัก Neutral ปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่แพง แต่ยังไม่ได้ซื้อขายอยู่บนปัจจัยพื้นฐานเท่าไร และราคาก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ซึ่งราคาหุ้นไทยที่P/Eประมาณ 15 เท่า ท่ามกลางการเติบโตของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ EPS ประมาณ 98 บาท ซึ่งเป็นคาดการณ์ที่ถูกปรับลดลงมาแล้ว
สำหรับปัจจัยสนับสนุนมาจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง การส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีแรก และมองการใช้จ่ายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะเป็นตัวหนุนสำคัญ นอกจากนี้คาดหวังมาตรการLTF ทีมีแนวโน้มจะถูกนำกลับมาใช้ เชื่อจะช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยให้แข็งแรง
ส่วนปัจจัยที่ส่งผลกระทบ เช่น ผลกระทบจากสงครามการค้าการไหลทะลักสินค้าจากจีนเข้ามาในไทยความเชื่อมั่นของนักลงทุน และแรงขายของ LTF โดยดัชนีหุ้นไทยปีนี้คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 1,270-1,350 จุด และแนวรับต่ำสุดคาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ 1,219 จุด
จับตาฟันด์โฟลว์หวนกลับเข้าหุ้นไทย
ขณะที่เงินลงทุนจากต่างชาติคาดว่ายังจะไม่กลับเข้ามาลงทุนเพิ่มในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้ เนื่องจากหากเปรียบเทียบปัจจัยพื้นฐาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจแล้วยังมีตลาดอื่นในภูมิภาคเดียวกันที่มีความน่าสนใจมากกว่า ซึ่งนักลงทุนต่างชาติยังคงรอดูนโยบายอื่นๆ ของไทย ที่น่าจะมีออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป
วาง 4 ธีมการลงทุนสอดรับภาวะตลาด
ด้านนายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึงธีมการลงทุนที่น่าสนใจและแนะนำในปี 2568 ว่า ประกอบด้วย 4 ธีมที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ในปีนี้ได้แก่
1. โอกาสในเอเชีย โดยคาดว่ากองทุนเอเชียที่มีความผันผวนต่ำจะเป็นโอกาสในการลงทุน โดยมองว่าประเทศอินเดียยังคงมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ส่วนประเทศญี่ปุ่นคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการบริโภคที่เพิ่มขึ้นจากค่าแรงที่ปรับตัวขึ้น
โดยกองทุนที่แนะนำได้แก่ ES-JPNAE ES-INDAE และ ES-ALOVE* (ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายในวันที่ 14-21 กุมภาพันธ์ 2025)
2. การเติบโตที่มีศักยภาพ: คาดว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะยังคงขยายตัวได้ท่ามกลางความผันผวน และคาดว่ากำไรจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 กองทุนที่แนะนำคือ ES-USBLUECHIP
3. การเข้าสู่โหมดลดอัตราดอกเบี้ย : คาดว่าเฟดจะยังคงลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ซึ่งอาจจะเป็นในช่วงครึ่งปีหลัง และการลดอัตราดอกเบี้ยอาจจะน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก็ตาม แต่เมื่อรวมกับผลตอบแทนที่น่าสนใจ เราเชื่อว่าตราสารหนี้คุณภาพสูงและกลยุทธ์การปรับอายุตราสาร(Duration)ที่ยืดหยุ่นจะเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจกองทุนที่แนะนำคือ ES-GINCOME
4. การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ : ท่ามกลางความไม่แน่นอนและความผันผวน การมีกองทุนเชิงรับในพอร์ตเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงและสร้างสมดุลให้กับการลงทุน โดยกองทุนที่แนะนำคือ ES-HEALTHCARE