กสิกรไทยจับมือชิซูโอกะแบงก์ ประกาศความร่วมมือเสริมแกร่ งฐานธุรกิจใน AEC+3 มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านบริ การทางการเงินระดับภูมิภาค
ธนาคารกสิกรไทย จับมือธนาคารชิซูโอกะ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่ วมมือฉบับใหม่ ยกระดับบริการทางการเงินระหว่ างประเทศ สนับสนุนนักลงทุนญี่ปุ่นที่ต้ องการขยายธุรกิจในภูมิภาค AEC+3 และการสนับสนุนนักลงทุนจากภูมิ ภาค AEC+3 ที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังญี่ปุ่ น พร้อมขับเคลื่อนการเติ บโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างยั่ งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านบริ การทางการเงินระดับภูมิ ภาคของธนาคารกสิกรไทย
นายพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยดำเนินยุทธศาสตร์ ด้านธุรกิจต่างประเทศอย่างต่ อเนื่อง โดยให้ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ ในการประสานความร่วมมือกับพั นธมิตรในท้องถิ่น เพื่อการต่อยอดบริการรองรั บการทำธุรกรรมและธุรกิจของลูกค้ าในภูมิภาค AEC+3 โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าที่ สำคัญและมีมูลค่าการลงทุ นในประเทศไทยสูงเป็นอันดับหนึ่ง โดยบริษัทญี่ปุ่นมักขยายการลงทุ นเป็นลำดับขั้น โดยเริ่มจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามด้วยประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน
นายมิโนรุ ยางิ ประธานผู้บริหาร ธนาคารชิซูโอกะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นเผชิญกับความท้าทายทางสั งคมหลายประการ รวมถึงประชากรที่ลดลงและสังคมผู้ สูงอายุ และจังหวัดชิซูโอกะก็ไม่ใช่ข้ อยกเว้น ภายใต้แผนการจัดการระยะกลางฉบั บแรกของเรา ธนาคารชิซูโอกะมุ่งหวังที่จะสร้ างสมดุลระหว่างการสร้างคุณค่ าทางสังคม และการเพิ่มคุณค่าขององค์กร โดยการแก้ไขปัญหาที่สำคัญในภูมิ ภาคด้วยหัวข้อ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
ในบริบทนี้ เป็นที่ชัดเจนว่ามุมมองข้ ามพรมแดนและความร่วมมือกั บประเทศต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันมากขึ้นมี ความสำคัญ บันทึกความเข้าใจฉบับนี้เป็นข้ อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นร่วมกั นของเราในการใช้ประโยชน์จากจุ ดแข็งของเราและให้บริการที่ดียิ่ งขึ้นแก่ภูมิภาคและลูกค้าในทั้ งญี่ปุ่นและไทย เรามั่นใจว่าด้วยการนำทางความซั บซ้อนของการเงินโลกและการพั ฒนาความร่วมมือของเรา เราสามารถเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับความสำเร็จ
ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารชิซูโอกะ ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของญี่ปุ่ น มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุ นเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยมีเครือข่ายสาขาครอบคลุมทั่ วทั้งจังหวัดชิซูโอกะและเมื องสำคัญต่างๆ รวมถึงโอซาก้า นาโกย่า และโตเกียว จึงได้ต่อยอดความร่วมมือระหว่ างกัน โดยการร่วมลงนามบันทึกข้ อตกลงความร่วมมือ (MOU) ฉบับใหม่ เพื่อขยายความร่วมมื อในการยกระดับบริการทางการเงิ นระหว่างประเทศของธนาคาร ให้เป็นความร่วมมือแบบสองทาง (Two-way collaboration) ผ่านการผสานจุดแข็งของทั้ งสองสถาบันการเงิน เพื่อครอบคลุมการทำงานที่สำคัญ 3 ด้านได้แก่
1.การแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกด้ านการตลาดและการลงทุน
2.การนำเสนอและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ าธุรกิจในยุคดิจิทัล
3. การแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่ างสองสถาบันเพื่อพัฒนาศั กยภาพในการให้บริการ
เพื่อให้ทั้งสองธนาคารมีความพร้ อมที่จะส่งมอบบริการที่ ตอบสนองความต้องการของพันธมิ ตรและภาคธุรกิจได้อย่างตรงจุด โดยมุ่งให้การสนับสนุนนักลงทุ นญี่ปุ่นที่ต้องการขยายธุรกิ จในภูมิภาค AEC+3 และให้การสนับสนุนนักลงทุนจากภู มิภาค AEC+3 ที่ต้องการขยายธุรกิจไปยังญี่ปุ่ น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีศั กยภาพสูง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และจีน
นายพิพิธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือระหว่างธนาคารกสิ กรไทยและธนาคารชิซูโอกะ ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2554 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นกว่ า 100 แห่ง ในการจัดตั้งธุรกิจในประเทศไทย พร้อมให้บริการลูกค้าธุรกิจกว่า 200 ราย ครอบคลุม 7 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา ลาว จีน และฮ่องกง ที่ธนาคารกสิกรไทยมีสาขาอยู่
รวมถึงกรณีที่ลูกค้ าของธนาคารกสิกรไทยจากแต่ ละประเทศที่ต้ องการจะขยายการลงทุนหรือธุรกิ จไปยังประเทศญี่ปุ่น ธนาคารกสิกรไทยเชื่อมั่นว่ าการยกระดับความร่วมมือกั บธนาคารชิซูโอกะครั้งนี้ จะตอบโจทย์การลงทุนและการค้ าในอาเซียนที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ดียิ่งขึ้น ร่วมขับเคลื่อนการเติ บโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างยั่ งยืน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของธนาคารกสิ กรไทยในการเป็นผู้ให้บริ การทางการเงินชั้นนำแห่งภูมิภาค AEC+3
ยักษ์ลงทุน https://www.yaklongtun.com/