‘โอสถสภา’ รายงานงบปี 67 ทำรายได้จากการขาย 27,069 ล้านบาท เติบโต 3.9%
ปรับโครงสร้างธุรกิจ ดันอัตรากำไรขั้นต้น Q4/67 แตะ 38.5% ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เดินเกมรุกสร้างการเติบโตต่อเนื่ อง ปักธงสู่เป้าหมายรายได้ 40,000 ล้านบาทในปี 2571
‘บมจ. โอสถสภา (OSP)’ รายงานผลการดำเนินงานปี 67 ทำรายได้จากการขาย 27,069 ล้านบาท เติบโต 3.9% มีกำไรสุทธิ 1,638 ล้านบาท แม้ลดลง 31.8% จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ ถือเป็นค่าใช้จ่าย One-Time Expenses ด้านผลงาน Q4/67 ทำรายได้จากการขาย 6,422 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 567 ล้านบาท ดันอัตรากำไรขั้นต้นใน Q4/67 แตะ 38.5% ทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เข้ าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
บอร์ดเสนอจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังอีก 0.30 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 8 พ.ค.นี้ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโตที่ระดับ Mid-single- digit เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่ งในฐานะผู้นำในตลาดของธุรกิจหลั ก ปักธงสู่เป้าหมายรายได้แตะ 40,000 ล้านบาท ภายในปี 2571
นางสาวรติพร ราษฎร์เจริญ Group Chief Financial Officer บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยถึงผลการดำเนิ นงานไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 6,422 ล้านบาท เติบโต 6.3% QoQ ในขณะที่ปี 2567 มีรายได้จากการขายรวม 27,069 ล้านบาท เติบโต 3.9%
จากกลยุทธ์ ความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Brand Portfolio) ที่ผลักดันให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่มมีรายได้รวม 22,154 ล้านบาท เติบโต 4.8% และมีการเติบโตโดดเด่นในในต่ างประเทศที่เพิ่มขึ้น 29.6% ด้วยรายได้ 6,199 ล้านบาท จากเมียนมาร์ ลาว และอินโดนีเซีย รวมถึงตลาดส่งออกที่เริ่มฟื้นตั ว และเริ่มขยายตลาดสู่เวียดนามซึ่ งมีศักยภาพและอัตราการเติบโตสูง ด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแบบ 2-in-1 Energy + Rehydration
เมื่อปลายปี 2567 ซึ่งได้รับผลตอบรับดีจากกลุ่มผู้ บริโภคท้องถิ่น ทั้งนี้ โอสถสภาเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่ มบำรุงกำลังด้วยส่วนแบ่ งการตลาดรวม 45.8% ด้วยความหลากหลายของผลิ ตภัณฑ์และราคา ที่ตอบโจทย์ความต้องการพลั งงานที่แตกต่างกัน
โดยมีแบรนด์ M-150 ครองส่วนแบ่งการตลาด 32% ในขณะที่กลุ่มเครื่องดื่มฟังก์ ชันนัลดริงก์เติบโต 9.3% YoY โดยมี C-Vitt เป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มที่มี ส่วนผสมของวิตามินซีครองส่วนแบ่ งการตลาด 74.5% เครื่องดื่มเปปทีนที่ออกผลิตภั ณฑ์ใหม่เพิ่มคุณประโยชน์ครอบคลุ มการบริโภคในโอกาสที่หลากหลาย รวมถึงเครื่องดื่มคาลพิสที่ ทำการตลาดและออกสินค้ารสชาติ ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
รายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ ส่วนบุคคลในประเทศเติบโต 9.8% และในต่างประเทศเติบโต 47.7% จากเมียนมาร์ ลาว และเวียดนาม โดยรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์แบรนด์ เบบี้มายด์เติบโต 15.1% และครองตำแหน่งผู้นำตลาดผลิ ตภัณฑ์อาบน้ำเด็กต่อเนื่อง และกำลังก้าวสู่ผู้นำในตลาดแป้ งเด็กและนำจุดแข็งความอ่ อนโยนและความหอม ต่อยอดสู่นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ ใหม่ เช่น เบบี้ มายด์ แอนด์ บียอนด์ ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่กว้างขึ้ นทั้งในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้หญิง และครอบครัว
รวมถึงการ Collaboration กับ Butterbear ที่เข้าถึงคนหลากหลายวัยให้หั นมาทดลองใช้สินค้าเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้ผลิตภัณฑ์สำหรั บผู้หญิงแบรนด์ ‘ทเวลฟ์ พลัส’ และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายแบรนด์ ‘เอ็กซิท’ เติบโต 7.3% จากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ตอบโจทย์ ความต้องการที่หลากหลาย
นางสาวรติพร กล่าวเพิ่มเติมว่า “โอสถสภาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิ ตได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากปรับสัดส่วนกำลังการผลิ ตให้เหมาะสม และการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุ ดิบและพลังงานที่ลดลง ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของสัดส่ วนรายได้จากต่างประเทศทั้งในกลุ่ มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและผลิตภั ณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลที่มีอั ตรากำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ย ทำให้ บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้น 37.3% เติบโต 2.8%
โดยในไตรมาส 4 ทำสถิติอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุ ดเป็นประวัติการณ์ที่ 38.5% เติบโต 3% และ 2.4% และมีกำไรสุทธิ 567 ล้านบาท เติบโต 31.0% และ 256.9% ทั้งนี้ในปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 1,638 ล้านบาท ลดลง 31.8% จากการปรับโครงสร้างธุรกิจผ่ านการจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิ จที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก และรับรู้ผลขาดทุนสุทธิรวมเป็น จำนวน 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเพียงครั้ งเดียว (One-Time Expenses)
อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายการพิ เศษดังกล่าว บริษัทฯ จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ ( Core Business) ในปี 2567 จำนวน 3,038 ล้านบาท เติบโต 39.3% YoY ตอกย้ำถึงศักยภาพและความแข็ งแกร่งของธุรกิจที่ยังคงเติ บโตได้ดีอย่างต่อเนื่ องและการดำเนินงานที่มีประสิทธิ ภาพในทุกมิติ”
จากผลกำไรที่เติบโตอย่างแข็ งแกร่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอจ่ายเงินปั นผลจากงวดผลการดำเนินงานในครึ่ งปีหลังในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้นทั้งนี้เมื่อรวมกับเงินปั นผลระหว่างกาลในอัตรา 0.30 บาท ต่อหุ้น ที่จ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 ดังนั้นในปี 2567 บริษัทฯ จะเสนอจ่ายเงินปันผลรวม 0.60 บาท ต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน 1,802 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ ร้อยละ 110% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน
ตอกย้ำว่า OSP เป็นหนึ่งในหุ้นปันผล (Dividend Stock) ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ ถือหุ้น
โอสถสภาตอกย้ำวิสัยทัศน์ “พลังเพื่อเสริมสร้างชีวิต” พร้อมเดินเกมรุกสร้างการเติ บโตที่แข็งแกร่งกว่าเดิม มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุ รกิจหลัก (Grow the core) สร้างการเติบโตธุรกิ จในอนาคต (Seed the future) สร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้ าขยายฐานสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ
รักษาตำแหน่งผู้ นำตลาดในประเทศควบคู่ขยายสู่ ตลาดต่างประเทศ ขยายการลงทุนในต่างประเทศ (Expand Internationally) สร้างการเติบโตในภูมิภาค สร้างโอกาสการลงทุนเชิงกลยุทธ์ (Inorganic Growth) และปรับเปลี่ยนองค์กรให้มีประสิ ทธิภาพ(Organization transformation) พร้อมวางรากฐานเพื่อสร้างธุรกิ จแห่งอนาคต

ยักษ์ลงทุน https://www.yaklongtun.com/