NEWS

LIV-24 เดินหน้าขยาย Smart Tech สู่ภาคอุตสาหกรรม ตั้งเป้าโตกว่า 140% สู่รายได้ปี ’68 ทะลุ 280 ล้านบาท

LIV-24 เดินหน้าขยาย Smart Tech สู่ภาคอุตสาหกรรม ตั้งเป้าโตกว่า 140% สู่รายได้ปี ’68 ทะลุ 280 ล้านบาท

  • บริษัท ลิฟ-24 จำกัด (LIV-24) ผู้นำโซลูชัน Smart Tech ด้านความปลอดภัยและยกระดับประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ ในเครือแสนสิริ ประกาศผลประกอบการปี 2567 ทำรายได้รวม 116.5 ล้านบาท เติบโตขึ้น 78% จากปี 2566 ที่มีรายได้ 65.4 ล้านบาท
  • ชูกลยุทธ์ปี 2568 มุ่งขยายฐานลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมด้วยโซลูชัน Industrial Tech หนุนผู้ประกอบการด้านความปลอดภัย ลดต้นทุน และ เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ พร้อมลุยขยายธุรกิจใหม่ ตั้งเป้ารายได้ 280 ล้านบาท หรือโตขึ้นกว่า 140% ในปี 2568

คุณนิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิฟ-24 จำกัด เปิดเผยว่า LIV-24 ก้าวสู่ปีที่ 6 เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากบริการโซลูชันเทคโนโลยีอัจฉริยะที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง

โดยมองว่าทิศทางธุรกิจเติบโตสอดคล้องกับดีมานด์ของผู้ประกอบการที่ต้องการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้งาน เพื่อผลักดันความเติบโตให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและการแข่งขันที่มีความท้าทายในยุคปัจจุบัน

ส่งผลให้ LIV-24 เอง เติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่องทุกปี โดยรายได้ของเราในปีที่ผ่านมา มาจากโครงการที่อยู่อาศัย (Residential) เช่น บ้าน, คอนโดมิเนียม และกลุ่มอุตสาหกรรม (Industrial) เช่น โรงงานและคลังสินค้า เป็นหลัก และมีลูกค้าที่ไว้วางใจเรา เช่น บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC), Bangkok Aviation Fuel Services (BAFS), ธนาคารกรุงไทย, โตโยต้า ขอนแก่น, asset five, Pre Built และ สัมมากร เป็นต้น

โซลูชันที่ได้รับการตอบรับดีที่สุดในปีที่ผ่านมา คือ AI CCTV Analytics ระบบแจ้งเหตุผิดปกติอัจฉริยะ ที่ผสานเทคโนโลยี AI กับความเชี่ยวชาญของมนุษย์เข้าด้วยกัน

โดยหากระบบตรวจพบเหตุผิดปกติหน้างาน จะถูกรายงานไปยังศูนย์ Command  Centre ทันทีแบบเรียลไทม์ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยตรวจสอบอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นโมเดลที่ช่วยป้องกันเหตุก่อนเกิด

โดยที่ผ่านมา เราสามารถเข้าระงับเหตุได้รวดเร็วเฉลี่ยใน 5 นาที และมีเคสอันตรายถึงชีวิตและทรัพย์สินเป็น 0 เคส ซึ่งตรงกับแนวคิด ‘มีเราไม่มีภัย’ ของ LIV-24

ถัดมาคือโซลูชัน Visitor Management System (VMS) ซึ่งช่วยให้การเข้า-ออกพื้นที่ (Access Control) เป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยระบบ LPR (License Plate Recognition) ที่สามารถตรวจสอบและจดจำป้ายทะเบียนรถ พร้อมระบบลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนเข้าพื้นที่

เพื่อจัดการ Traffic อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการชำระค่าบริการจอดรถผ่านแอปพลิเคชั่น Line ซึ่งทำขึ้นเป็นรายแรกในไทย ทำให้เข้าถึงผู้ใช้ได้เป็นวงกว้าง และสามารถช่วยลดต้นทุนด้านระบบลงถึง 40%

กลยุทธ์สำคัญของ LIV-24 ในปี 2568

คุณนิรมล เผยถึง 3 กลยุทธ์หลักที่จะพา LIV-24 ก้าวข้ามขีดจำกัด และมุ่งสู่เป้าหมายที่วางไว้ในปี 2568:

1. มุ่งขยายบริการไปยังภาคอุตสาหกรรมหลังจากที่ได้ร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม กนอ. และสภาอุตสาหกรรมไทยในปีที่ผ่านมา เพื่อนำ Industrial Tech มาใช้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยในปีนี้เราจะขยายฐานลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมให้กว้างขึ้นพร้อมเดินหน้าพัฒนาโซลูชันอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม

โดยเฉพาะ เช่น ระบบป้องกันอัคคีภัย กล้องอัจฉริยะ ระบบบริหารจัดการเครื่องจักร ระบบขนส่ง และการจัดการพลังงานและน้ำเสีย ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลาที่เสียไปจากความเสียหาย เพิ่มความปลอดภัย ลดต้นทุนพลังงาน และยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชุมชน พร้อมลดต้นทุนรวมได้ถึง 20% เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต

2. เสริมทัพความแข็งแกร่งให้กับบริการ ด้วยโซลูชันSmart Tech ระดับพรีเมียม ด้วยมาตรฐานการติดตั้ง Hardware และ Software ที่มีคุณภาพสูงและได้รับการรับรอง ภายใต้แบรนด์ “LIV-24 Nexus” เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี และ อาคารสำนักงานพรีเมียม ที่ยังคงเติบโตในต่อเนื่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้

3. ตั้งเป้าขยายธุรกิจใหม่เช่น Smart Parking System ระบบบริหารลานจอดรถอัจฉริยะ ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อให้บริการกับเจ้าของลานจอดรถ รวมไปถึงเจ้าของที่ดินเปล่า ที่สามารถนำพื้นที่ว่างมาใช้เป็นธุรกิจลานจอดรถได้ ด้วยการใช้โซลูชันของ LIV-24 ในการวางระบบและจัดการ traffic ในพื้นที่

รวมถึงการบริหารลานจอดรถอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีสแกนป้ายทะเบียนและฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวก ลดความยุ่งยากในการดำเนินงาน และสามารถสร้างรายได้จากที่ดินเปล่าได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น

การันตีคุณภาพด้วยการคว้ารางวัลสุดยอดนวัตกรรมแห่งปี 2568!

ล่าสุด LIV-24 ตอกย้ำเบอร์ 1 องค์กร Smart Tech คว้ารางวัล The Most Innovative สุดยอดนวัตกรรมแห่งปี จากงาน Future Trends Awards 2025 งานประกาศรางวัลสุดยอดผู้นำเทรนด์แห่งปี ที่คิดค้นนวัตกรรมล้ำสมัยเพื่อส่งเสริมธุรกิจและอุตสาหกรรมให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“เกือบ 6 ปีที่แล้ว เราเลือกลงทุนกับเทคโนโลยี AI เพราะเราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนโฉมธุรกิจได้ และวันนี้ เราได้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน—ธุรกิจของเราเติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อเนื่อง และ AI กลายเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ

ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจต้องมีในอนาคตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน โดยเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนา Smart Solutions ด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อรองรับความต้องการของทุกภาคธุรกิจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Smart City อย่างเป็นรูปธรรม” คุณนิรมลกล่าวปิดท้าย

ยักษ์ลงทุน https://www.yaklongtun.com/

 

ใส่ความเห็น