PPPGC ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวนไม่เกิน 342.8 ล้านหุ้น คาดเข้าจดทะเบียนใน SET ระดมทุนเพื่อการขยายห่วงโซ่ธุรกิจปาล์มน้ำมันไปยังธุรกิจโอเลโอเคมีคัล และขยายกำลังการผลิตและการบรรจุน้ำมันปาล์มโอเลอิน โดยมีเป้าหมายในการเป็นผู้ผลิต และจัดจำหน่ายอันดับหนึ่งในประเทศ
นายธนิก ธราวิศิษฏ์ ตำแหน่ง First Executive Vice President, Investment Banking and Capital Markets Function ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ PPPGC เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อประกอบการยื่นคำขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก ( IPO) จำนวนไม่เกิน 342.8 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 2 บาทต่อหุ้น
การยื่นไฟลิ่งในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการแสดงความพร้อมเพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งจะทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และสถาบันการเงินมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพและการขยายโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจ ช่วยให้บริษัทเติบโตได้ตามเป้าหมาย ตลอดจนสร้างความมั่นคงให้ยั่งยืนกับองค์กรในระยะยาวอีกด้วย
ทั้งนี้ PPPGC เป็นบริษัทที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างกลุ่มผู้นำธุรกิจน้ำมันปาล์ม และน้ำมันเชื้อเพลิงรายใหญ่ของประเทศไทย 3 บริษัทตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัท ทีซีจีโฮลดิ้ง จำกัด หรือ TCG หนึ่งในผู้นำในการผลิต และสกัดน้ำมันปาล์มดิบด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG หนึ่งในผู้นำด้านการบริการในธุรกิจพลังงานครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงชั้นนำ และบริษัท อาร์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด หรือ RD หนึ่งในผู้นำในการเพาะกล้าปาล์มน้ำมันรายใหญ่ในอุตสาหกรรมการปลูกปาล์มด้วยประสบการณ์มากกว่า 15 ปี โดย PPPGC ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมันซึ่งประกอบไปด้วย น้ำมันไบโอดีเซล (B 100) น้ำมันปาล์มโอเลอิน ผลิตภัณฑ์โอเลโอเคมีคัล เช่น กลีเซอรีนบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์พลอยได้อื่นๆโดยโรงงานของบริษัทเป็นโครงการในรูปแบบปาล์มครบวงจรที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย หรือ ปาล์มคอมเพล็กซ์ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันบนเนื้อที่ 1,000 ไร่ ของอำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ด้านนายชัยทัศน์ วันชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ PPPGC กล่าวว่า โครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ เริ่มก่อสร้างในปี 2558 และดำเนินการผลิตอย่างเต็มรูปแบบในปี 2562 ภายใต้แนวคิด Smart Complex โดยนำทุกอุตสาหกรรมในห่วงโซ่ของปาล์มน้ำมันมารวบรวมไว้ในแหล่งผลิตปาล์มน้ำมันของประเทศ พร้อมวางแผนระบบโลจิสติกส์ที่เอื้อต่อการขนส่งและการส่งออกไปต่างประเทศ รวมถึงการนำเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและประสิทธิภาพสูงมาใช้ในการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้รับการรับรองภายใต้ระบบมาตรฐานสากล
สำหรับ ภาพรวมผลประกอบการในปี 2562 ถึงปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 960.7 ล้านบาท 6,435.3 ล้านบาท และ 8,833.8 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,794.7 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันไบโอดีเซล (B100) น้ำมันปาล์มโอเลอิน ผลิตภัณฑ์โอเลโอเคมีคัล เช่น กลีเซอรีนบริสุทธิ์และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
การเตรียมบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจของบริษัทให้มีความแข็งแกร่ง เพิ่มโอกาสในการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงในอนาคต โดยธุรกิจหลักของบริษัทจะเติบโตไปกับเศรษฐกิจของประเทศ แผน AEDP และแผนของ PTG ซึ่งนโยบายและมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐได้มีการกำหนดเป้าหมายปริมาณการใช้น้ำมันไบโอดีเซลให้เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี อีกทั้งแผน PTG มีเป้าหมายในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจน้ำมันได้อย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งที่อันดับ 2 ในประเทศ ทั้งนี้ PPPGC จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้เพื่อการขยายห่วงโซ่ธุรกิจปาล์มน้ำมันไปยังธุรกิจโอเลโอเคมีคัล ขยายโครงการกำลังการผลิต และการบรรจุน้ำมันปาล์มโอเลอินเพื่อเพิ่มศักยภาพการเป็นผู้นำในธุรกิจปาล์มน้ำมันของประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยบริษัทมีเป้าหมายในการเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายน้ำมันปาล์มโอเลอินอันดับหนึ่งในประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัท มีกลุ่มลูกค้าน้ำมันปาล์มโอเลอินอยู่ 3 ประเภท 1) กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม 2) กลุ่มลูกค้าที่นำผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปบรรจุใหม่ (Repack) และ 3) ผลิตภัณฑ์ของบริษัทภายใต้ตราสินค้า “มีสุข” โดยในช่วงแรก บริษัทขายน้ำมัน “มีสุข” ผ่านตัวแทนจำหน่าย (ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว) ทั่วประเทศ ต่อมา บริษัทได้ทำการตลาดเพิ่มเติมโดยร่วมมือกับ PTG เพื่อที่จะเข้าถึงช่องทางจัดจำหน่ายอย่างกว้างขวาง โดย PTG มีช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านสถานีบริการถึง 2,181 แห่งทั่วประเทศ มีร้านค้า Max Mart จำนวน 277 สาขา และยังมีการจำหน่ายผ่าน ATLAS, บริษัทย่อยของ PTG ซึ่งบริการแก่ร้านอาหาร และภัตตาคารและกลุ่มลูกค้าผู้ใช้ก๊าซหุงต้มในครัวเรือนเป็นหลัก ทั้งนี้บริษัทมีฝ่ายขายและการตลาดที่มีประสบการณ์ที่จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์เข้าถึงทุกจังหวัดทั่วประเทศ และมีแผนในการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายโดยผ่านโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้น