MENA เดินหน้างานขนส่งไม่มีแผ่ว ขยายฟลีทรถรับการเติบโตครึ่งปีหลัง อุตสาหกรรมงานก่อสร้างบูม ดีมานด์คอนกรีตฟื้นตัว พร้อมจับมือพันธมิตรขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ เล็งขยายบริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิและสินค้าเฉพาะทาง มุ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งทางบกที่ครอบคลุมสินค้าในหลายอุตสาหกรรม
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ เปิดทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง และแนวโน้มไตรมาส 3/2565 อุตสาหกรรมขนส่งฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการเปิดประเทศที่เชื่อมโยงกันในทุกภาคส่วน ส่งผลให้อุตสาหกรรมขนส่งได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน ขณะที่งานก่อสร้างกลับมาบูม ดีมานด์การใช้คอนกรีตผสมเสร็จเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ธุรกิจให้บริการขนส่งด้วยรถมิกเซอร์มีความต้องการในระดับสูงกว่าปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบจากการปิดไซด์งานก่อสร้าง โดย MENA ถือเป็นผู้นำในตลาดนี้
อีกทั้ง MENA ได้ขยายฟลีทรถไปสู่งานขนส่งรถบรรทุกอาหารสัตว์ และ รถควบคุมอุณหภูมิ นับเป็นความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ตามกลยุทธ์ที่บริษัทฯ วางไว้ เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ และสนับสนุนการเติบโต สร้างฐานรายได้การให้บริการกลุ่มใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูง อีกทั้ง ยังการันตีด้วยรางวัลการรับรองมาตรฐานคุณภาพการขนส่งสินค้าเกษตรและอาหารด้วยรถบรรทุกแบบควบคุมอุณหภูมิ (Q Cold Chain) จากกรมการขนส่งทางบก ตั้งแต่ปีแรกของการขยายฟลีทรถประเภทดังกล่าว ตอกย้ำคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ MENA ให้ความสำคัญ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังบริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มปริมาณรถมิกเซอร์ และรถขนส่งอื่นๆ จำนวนกว่า 70 คัน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม จากปัจจุบัน MENA มีรถขนส่งจำนวน 720 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 470 คัน รถเทรลเลอร์ 69 คัน หางพ่วงชนิดต่างๆ 105 หาง รถบรรทุก 4-10 ล้อและรถขนส่งควบคุมอุณหภูมิรวมอีก 76 คัน
ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรก ของปี 2565 มีนาทรานสปอร์ต มีรายได้ค่าขนส่งและบริการขนส่งคอนกรีตรวมอยู่ที่ 307 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% เนื่องจากการปรับราคาค่าขนส่งตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ประกอบกับรายได้จากการขยายการให้บริการไปสู่การขนส่งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเฉพาะทาง และสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ที่เติบโตโดดเด่นทำรายได้ถึงจำนวน 98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% สนับสนุนให้มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 16% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 20.1 ล้านบาท
“อุตสาหกรรมขนส่งถือเป็นรากฐานสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ และมีศักยภาพการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยปัจจุบันเรากำลังศึกษาและมองหาโอกาสในการขยายบริการขนส่งประเภทอื่นๆ อยู่เสมอ เนื่องจากเรามี Know how ในการบริหารงาน มีพนักงานขนส่งในเครือข่ายที่พร้อมให้บริการกว่า 600 คน จึงเร่งเดินหน้าจับมือพันธมิตร ขยายความชำนาญและบริการให้ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตสูง โดยมองทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังของปี 2565 มีแนวโน้มเติบโตกว่าครึ่งปีแรก จากงานในมือ และความสำเร็จจากการขยายธุรกิจ” นางสุวรรณา กล่าวปิดท้าย