บลจ.กสิกรไทย เสนอขายกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดระยะเวลา มองเป็นจังหวะเข้าลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนผ่านตราสารหนี้ไทยคุณภาพดี เปิดเสนอขายครั้งแรก 18 – 27 ต.ค.นี้
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ไทย 23MA ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KTF23MA-BR) ประมาณการผลตอบแทน 2.25% ต่อปี โดยเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ซึ่งจะเปิดเสนอขายในระหว่างวันที่ 18 – 27 ตุลาคม 2565
สำหรับ กองทุน KTF23MA-BR เป็นกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดระยะเวลาที่มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี 11 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ และ/หรือ เงินฝากในประเทศ ผ่านกลยุทธ์การลงทุนแบบถือครองทรัพย์สินที่ลงทุนไว้จนครบอายุโครงการ (Buy and Hold)
โดยมุ่งจ่ายผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอในทุก 6 เดือน ผ่านการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ (Auto Redemption) ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง อย่างไรก็ดี หุ้นกู้ที่กองทุนเข้าไปลงทุนล้วนเป็นบริษัทชั้นนำของไทยมีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ตั้งแต่ A ขึ้นไป ซึ่งมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ
ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงวางใจได้ว่าเงินลงทุนจะได้รับการบริหารจัดการอย่างดีจากผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ ควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ คาดว่ากองทุนจะเข้าลงทุนในหุ้นกู้/ตั๋วแลกเงินที่ออกโดย 6 บริษัทชั้นนำของไทยในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย), บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์, บมจ.เอสพีซีจี, บมจ.บัตรกรุงไทย และ บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ ทั้งนี้ หากมีการลงทุนในตราสารประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว กองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเต็มจำนวน
“คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มองเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.3% และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าอยู่ที่ 3.8% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการท่องเที่ยวและการบริโภค
นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายทางการเงินยังมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งใช้นโยบายแบบตึงตัว ซึ่งจาก 2 ปัจจัยข้างต้น ทำให้ภาพการลงทุนในไทยยังคงมีความน่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวนสูง และมีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ ดังนั้น ในภาวะที่ตลาดยังมีความไม่แน่นอนเช่นนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ไทยคุณภาพดีผ่านกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดระยะเวลา จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ลงทุน” นายชัชชัยกล่าว
นายชัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน KTF23MA-BR เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทน มีระยะเวลาการลงทุนที่ชัดเจน และเป็นผู้ที่เงินลงทุนสูง โดยผู้ลงทุนสามารถเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds และธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา
ทั้งนี้ เมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บลจ.กสิกรไทยจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง ผู้ลงทุนสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888