นายโสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ส่งมอบอาคารคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ (Built-to-Suit) ขนาด 73,000 ตร.ม. บนพื้นที่ 74 ไร่ ในโครงการเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค (วังน้อย 2) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้แก่ผู้ให้บริการจัดการคลังสินค้าและขนส่งของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในไทย โดยนับเป็นศูนย์คัดแยกสินค้าที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ของไทยที่ช่วยให้การคัดแยกและกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
“ปัจจัยสำคัญต่อการแข่งขันของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซคือเรื่องประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า ทั้งด้านความรวดเร็วและความแม่นยำในการจัดส่งสินค้า บริษัทฯ จึงได้ใช้ประสบการณ์และทีมงานมืออาชีพในการออกแบบและพัฒนาอาคารคลังสินค้าที่ทันสมัยแห่งนี้ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และตามความต้องการของลูกค้า พร้อมรองรับระบบการบริหารคลังสินค้าอัตโนมัติ ตอบโจทย์ด้านความทันสมัย เพิ่มศักยภาพและความรวดเร็วด้านโลจิสติกส์ให้พร้อมสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า และรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทย ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 6 แสนล้านบาทในปีนี้” นายโสภณกล่าว
สำหรับศูนย์คัดแยกสินค้าดังกล่าวมีขนาดเทียบเท่า 12 สนามฟุตบอล พร้อมด้วยการออกแบบอาคารหลากหลายฟังก์ชันโดดเด่น อาทิ ประตูขนถ่ายสินค้ารอบอาคารทั้ง 4 ด้าน (Double Cross-Docking)จำนวน 260 ประตู รองรับกิจกรรมการรับและส่งสินค้าในเวลาเดียวกัน ช่วยสนับสนุนกิจกรรมการคัดแยกและกระจายสินค้าจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว พื้นอาคารที่มีคุณภาพรองรับน้ำหนักได้ 3 ตันต่อตารางเมตร และมีความเรียบสูงสามารถติดตั้ง ระบบคัดแยกสินค้าอัตโนมัติ (Sorting System) ทั่วทั้งอาคาร สนับสนุนการทำงานแบบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง พื้นที่สำนักงานและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอาคาร รองรับการทำงานของพนักงานจำนวนมากกว่า 1,000 คนต่อวัน โดยอาคารถูกออกแบบภายใต้แนวคิดด้านความยั่งยืน ด้วยการพัฒนาอาคารและระบบงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีแก่ผู้ใช้อาคารและชุมชนโดยรอบ พร้อมช่วยผู้เช่าประหยัดค่าใช้จ่ายในการบริหารพลังงานและทรัพยากรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
นายโสภณกล่าวอีกว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งจากการเดินทางเข้าประเทศเพื่อการลงทุนและการท่องเที่ยว ภาคเอกชนมีการลงทุนขยายธุรกิจ และการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ผลักดันให้เกิดความต้องการพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าเพิ่มเติม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซที่ยังคงเติบโต เพราะผู้บริโภคมีการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมากขึ้น FPIT ในฐานะผู้นำอันดับ 1 ของการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม ด้วยพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวมกว่า 3.4 ล้านตารางเมตร ตั้งเป้าหมายส่งมอบพื้นที่ให้กับลูกค้ากว่า 150,000 ตร.ม.ในปีนี้ โดยมีแลนด์แบงก์จำนวนมากกระจายตัวอยู่ตามทำเลยุทธศาสตร์ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยที่พร้อมรองรับการขยายธุรกิจของผู้เช่าหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี
Post Views: 175