คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เตรียมกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญ ผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 (Record Date) ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อมีสิทธิเข้าร่วมการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นหรือ EGM ในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อพิจารณาอนุมัติแผนออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right offering หรือ RO) จำนวนไม่เกิน 510,043,387 หุ้น โดยมีอัตราการจัดสรรหุ้น 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ในราคาเสนอขาย 3 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 1,530.13 ล้านบาท และหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อขายเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement หรือ PP) ให้แก่ บริษัท โทโบ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัท ยูนิสเตรทช์ จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 และเป็นส่วนหนึ่งของ GP Group ภายใต้การบริหารงานของครอบครัวชาห์ เนื่องจากทาง GP Group ต้องการจัดโครงสร้างการดำเนินธุรกิจเพื่อเข้าลงทุนใน JKN ให้มีความเหมาะสม และพร้อมเข้าซื้อหุ้น PP จำนวน 66,666,666 หุ้น ราคาเสนอขาย 4.50 บาท คิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท เพื่อเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ร่วมขยายกลุ่มธุรกิจ MUO ได้อย่างเต็มที่
การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ ช่วยเสริมสร้างฐานทุนที่แข็งแกร่งและเพียงพอต่อการปรับโครงสร้างเงินทุน เนื่องจากธุรกิจ MUO ประสบความสำเร็จที่ดี หลังประเทศเอลซัลวาดอร์ได้ประกาศเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งที่72 ด้วยงบกว่า 400 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยชำระตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป ตอกย้ำถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจ MUO ภายใต้การบริหารงานของกลุ่ม JKN ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของ บริษัท โทโบ จำกัด ภายใต้กลุ่ม GP Group ที่เข้าร่วมลงทุนกับกลุ่ม JKN โดยเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน PP ครั้งนี้ ตอกย้ำถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นในพื้นฐานการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม JKN ในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ Global Content Commerce Company โดยมีกลุ่มธุรกิจ MUO ซึ่งเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในเชิงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจไปสู่เป้าหมาย จึงมอบหมายให้ ‘นิชิต้า ชาร์’ มาเป็นที่ปรึกษาองค์กรมิสยูนิเวิร์ส เพื่อนำประสบการณ์วางกลยุทธ์องค์กรระดับโลก มาผนึกกับความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหาร MUO และทีมที่ปรึกษาธุรกิจระดับโลก เพื่อพลิกโฉมอุตสาหกรรมการประกวดนางงามในระดับโลก ที่ต้องการให้การประกวดมิสยูนิเวิร์สเป็นเวทีแห่งการเสริมสร้างพลังของผู้หญิงยุคใหม่และเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคมโลกให้ดีขึ้น ถือเป็นส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้เข้มแข็งมากขึ้น ที่ช่วยส่งเสริมรายได้ 1,100 ล้านบาทในปี 2566 ผ่านโครงสร้างรายได้ 9 ด้านให้เป็นไปตามแผน และรองรับการนำแบรนด์ ‘มิสยูนิเวิร์ส’ ต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์และบริการในตลาดต่างประเทศทั่วโลก เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ ขับเคลื่อนแผนรายได้ต่อปีให้เป็นไปตามแผน