นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยภายใต้แบรนด์ ‘ศักดิ์สยามลิสซิ่ง’ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2565 (ตุลาคม-ธันวาคม, 2565) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 10,867 ล้านบาท เติบโต 22.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 8,893 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้รวมจากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมและบริการอยู่ที่ 630.2 ล้านบาท เติบโต 22.0% เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตรซึ่งมีราคาที่ดี ทำให้ประชาชนสามารถชำระค่างวดของกลุ่มลูกค้ายังอยู่ในภาวะปกติ ประกอบกับการขยายสาขาของบริษัทฯ ครบ 929 สาขา จึงทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างกว้างขวาง
ความสำเร็จของผลการดำเนินงานในครั้งนี้ ส่งผลให้ SAK มีรายได้รวมจากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมและบริการทั้งปี 2565 อยู่ที่ 2,336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 710.2 ล้านบาท เติบโต 16.9% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยพอร์ตสินเชื่อทะเบียนรถเป็นหลักประกันมีมูลค่า 8,689 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 80% สินเชื่อส่วนบุคคลมูลค่า 296 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.7% สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ มูลค่า 1,326 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12.2% และสินเชื่อเช่าซื้อมูลค่า 556 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5.1% โดยเตรียมกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 เมษายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 เพื่อตอบแทนสำหรับผู้ถือหุ้น
สำหรับแผนธุรกิจปี 2566 บริษัทฯ เดินหน้าตอกย้ำเป็นสินเชื่อเพื่อสังคมมุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยรุกขยายการให้บริการสินเชื่อโซลาร์ รูฟท็อป สำหรับที่อยู่อาศัย เพื่อสอดรับกับดีมานด์การติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อปที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในช่วงหน้าร้อน จากการที่ประชาชนมีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมกันนี้ยังรุกการให้บริการสินเชื่อโดรนเพื่อการเกษตร เพื่อรองรับกับฤดูกาลเพาะปลูกที่จะเริ่มขึ้นในไตรมาส 2 ตลอดจนการขยายสาขาจาก 929 สาขา เพิ่มเป็น 1,029 สาขา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างครอบคลุมและต่อเนื่อง ส่วนการบริหารควบคุมหนี้ NPLs รักษาอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม จากในไตรมาส 4/2565 อยู่ในระดับ 2.5% ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา อยู่ที่ 2.6%
นายศิวพงศ์ กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจสินเชื่อปีนี้ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อต่อยอดขยายธุรกิจ อีกทั้งภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้กำลังซื้อของประชาชน มีรายจ่ายด้านดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากการผ่อนอสังหาริมทรัพย์และผ่อนรถยนต์สูงขึ้น ผลักดันให้ความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อประคองค่าครองชีพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ จึงมั่นใจว่า ด้วยแผนการเป็นสินเชื่อเพื่อสังคม ยืดหยัดเคียงข้างประชาชนทุกสถานการณ์เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน จะผลักดันให้พอร์ตสินเชื่อปี 2566 แตะ13,500 ล้านบาท หรือเติบโต 25%