NEWS

DMT  ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตเกิน 30% คาดปริมาณจราจรคึกคักต่อเนื่อง

ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT)  เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2566 นั้นบริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโตเกิน 30% จากปีก่อน เนื่องจากคาดการณ์ปริมาณการจราจรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 110,000 คันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณการจราจรเฉลี่ยอยู่ที่ 85,000 คันต่อวัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นการคาดการณ์จากปริมาณจราจรที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จัดทำกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ในแผนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนปี 2566-2570 แบ่งออกเป็น 7 ด้าน ประกอบด้วย 1.กลยุทธ์ Safer Road Traffic Management/ Maintenance เป็นกลยุทธ์หลักที่ส่งเสริมความโดดเด่นของการเป็นผู้ให้บริการ O&M ทางยกระดับ ตามวิสัยทัศน์ของบริษัท ที่ต้องทำให้เกิดความ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ยกระดับมาตรฐานการให้บริการ 2.กลยุทธ์เติบโตไปด้วยกัน Inclusive Growth เป็นกลยุทธ์ที่สร้างความเข้มแข็งขององค์กรในด้านการบริหารการจัดการต้นทุนการดำเนินงาน 3.กลยุทธ์พัฒนาธุรกิจอื่น Other Non-Toll เป็นกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและแนวคิด ซึ่งจะนำไปสู่ธุรกิจอื่นๆ และแหล่งรายได้ใหม่ๆ 4.กลยุทธ์ความยั่งยืน ESG เป็นกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจขององค์กร ในการส่งมอบคุณค่าให้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคมและ กำกับดูแลกิจการ 5.กลยุทธ์ HPO Resilience Management เป็นกลยุทธ์หลักในการพัฒนาศักยภาพขององค์กร และบุคลากร ให้มีความยืดหยุ่น ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และ ปัจจัยโดยรอบ 6.กลยุทธ์ DMT Excellence Recognition เป็นกลยุทธ์ที่สร้างการรับรู้ความเชี่ยวชาญและผลงานขององค์กร ผ่านการรับรองจากหน่วยงานภายนอก และ สร้างความเชื่อมั่นต่อหน่วยงานเจ้าของสัมปทาน 7.กลยุทธ์การบริหารเงินสดและต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารกระแสเงินสดที่บริษัทได้รับเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทต่ำลง และบริหารต้นทุนในทุกๆ ด้านให้มีประสิทธิภาพ

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้ค่าผ่านทาง 1,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,202 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 781 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% จากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 404 ล้านบาท

“ผลประกอบการในปี 2565 เติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากปริมาณจราจรบนทางยกระดับที่เพิ่มขึ้น หลังจากนโยบายเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ทำให้ต่างชาติกลับเข้ามาในประเทศไทยอย่างคึกคัก  ส่งผลให้รายได้ค่าผ่านทางเพิ่มขึ้น โดยปริมาณการจราจรรวมสัมปทานเดิม และตอนต่อขยายด้านทิศเหนือเฉลี่ยต่อวันมีจำนวน 85,417 คันต่อวัน เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนที่มีจำนวน 57,105 คันต่อวัน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 50% ประกอบกับภาครัฐไม่มีมาตรการการจำกัดการเดินทาง ขณะที่บริษัทฯดำเนินการบริหารการจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเป็นบริษัทฯที่ไม่มีภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ย หรือ Debt-Free Company  ส่งให้บริษัทฯมีสภาพคล่องทางการเงินที่สูง สามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาวตลอดอายุสัมปทาน” ดร.ศักดิ์ดา กล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2566 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 12 เดือน ปี 2565 จากกำไรสะสมในอัตราหุ้นละ 0.38 บาท  รวมเป็นเงินประมาณ 449 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) ในวันพุธที่ 8 มีนาคม 2566 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ภายในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2566

และมีมตินำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ในวันที่ 25 เมษายน 2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2565 จ่ายจากกำไรสุทธิปี 2565 และกำไรสะสมให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท เป็นเงินประมาณ 591 ล้านบาท ทั้งนี้การประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้นนั้น ยังไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับการอนุมัติของที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น หากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผลตามที่คณะกรรมการบริษัทเสนอ บริษัทฯจะจ่ายเงินปันผลในวันพฤหัสที่ 25 พฤษภาคม 2566 โดยจะแต่งตั้งให้บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ดำเนินการจ่ายเงินปันผลดังกล่าว

กำหนดให้วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ที่มีสิทธิรับเงินปันผล คือ วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 25 พฤษภาคม 2566

 

ใส่ความเห็น