ร้อนจัดบิลค่าไฟพุ่งเป็นเหตุ!“SENA” หนุนบ้านโซลาร์ดึงโมเดลบ้านพลังงานเป็นศูนย์ช่วยลดค่าไฟ
เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เผยเทรนด์ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปทั้งบ้านที่อยู่อาศัยอาคาร โรงงาน ต่างๆ บูมต่อเนื่องรับค่าไฟฟ้าแพงโดยเฉพาะอากาศเมืองไทยที่ร้อนจัดในช่วงนี้ทำให้คนที่ติดตั้งลดรายจ่ายได้ชัดเจน
ชูเรือธงโมเดล “บ้านพลังงานเป็นศูนย์” (ZEH )ขับเคลื่อนสู่เป้าหมายลดการใช้พลังงานในที่อยู่อาศัยไม่ต่ำกว่า 20%ช่วยลดค่าไฟฟ้า ลดค่าครองชีพลูกบ้านมั่นใจเดินมาถูกทางในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจมุ่งสู่บ้านประหยัดพลังงานที่จะสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง
เผยวิจัยจุฬาฯบ้านพลังงานเป็นศูนย์ติดโซลาร์ เวิร์กจริง!ช่วยลดค่าไฟได้สูงสุด 90%เตรียมเปิดโชว์บ้านต้นแบบเร็วๆ นี้
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) หรือ (SENA)ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ เปิดเผยว่าท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัดทำให้รายจ่ายค่าไฟฟ้าของคนไทยช่วงนี้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ประกอบกับค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft)
ภาพรวมในปี 2566ได้ปรับขึ้นต่อเนื่องและงวดใหม่ (พ.ค.-ส.ค. 66)หลังจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศค่าไฟเฉลี่ยรวมไว้ที่4.77 บาทต่อหน่วย และอยู่ระหว่างทบทวนให้ลดต่ำลงอีก ซึ่งก็ยังคงทรงตัวในระดับสูง
ดังนั้นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป)กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งภาคครัวเรือน อาคาร โรงงานต่างๆในการช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่แพงและช่วยลดภาวะโลกร้อน
“อากาศเมืองไทยที่ร้อนมากในปี 2566 ประกอบกับค่าไฟเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนๆปรับสูงขึ้นมากประชาชนเดือดร้อนจากบิลค่าไฟที่แพงขึ้นเท่าตัวทำให้ทุกภาคส่วนรวมถึงพรรคการเมืองต่างๆตื่นตัวและหันมาความสนใจต่อการแก้ไขปัญหานี้ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหลังจากที่ติดโซลาร์รูฟฯ ค่าไฟที่ต้องจ่ายลดลงมาก”
สำหรับทางเสนาถือเป็นรายแรกของอสังหาฯที่เริ่มบุกเบิกพลังงานโซลาร์ครบวงจรมากว่า 13 ปีศึกษาและพัฒนาหมู่บ้านโซลาร์ฯรายแรกของไทยปัจจุบันเสนาติดตั้งโซลาร์ให้ลูกบ้านทุกโครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและพื้นที่บริเวณส่วนกลางของคอนโดมิเนียม
รวมทั้งสิ้น 47 โครงการ รวมมากกว่า1,000 ครัวเรือน คิดเป็นการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 100 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมีกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มอยู่ 2 แห่ง อ.วังม่วง จ.สระบุรีและโครงการโทรลุ้ยริมน้ำ จ.นครปฐม รวม 46.5 เมกะวัตต์
โดยในปี 2566เสนาวางกลยุทธ์ทางธุรกิจพร้อมต่อยอดแนวคิดสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยอัจฉริยะสมาร์ทโฮม โดยใช้โมเดล SENA HHP ZERO ENERGY HOUSE (ZEH)หรือบ้านพลังงานเป็นศูนย์ ซึ่งได้โนวฮาวน์จากพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท ฮันคิว ฮันชินพร็อพ เพอร์ตี้ส์ คอร์ป มาประยุกต์และปรับใช้กับโครงการบ้านเสนา
ตั้งแต่ออกแบบเลือกวัสดุอุปกรณ์ภายในให้มีการใช้พลังงานลดลงหรือใกล้ศูนย์มากสุดเพื่อรองรับกลไกตลาดในปัจจุบันและอนาคตที่ผู้บริโภคจะเลือกที่อยู่อาศัยรับกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง
ทั้งทำงานที่บ้าน (Work From Home)หรือที่พักอาศัยที่มีกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กอยู่ในบ้านตลอดเวลา ดังนั้นการพัฒนาโครงการจำเป็นต้องคำนึงต้นทุนการดำรงชีวิตที่ใช้บ้านมากกว่าที่อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น
“โมเดล ZEH ที่เรานำมาใช้ในโครงการบ้านเสนาโดยเริ่มจากโครงการบ้านเดี่ยวย่านรามอินทรา กม.9 และบางนา-กม.29คาดว่าจะเปิดตัวต้นไตรมาส 3 ของปีนี้โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาระการใช้พลังงานให้กับลูกบ้านของเสนาได้ไม่ต่ำกว่า 20%
นอกจากนี้ ยังมีจัดทำแอพพลิเคชั่น SENA 360เพื่อให้ลูกบ้านสามารถตรวจสอบการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผ่านมือถือนับเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกบ้านมากยิ่งขึ้น” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
สำหรับการพัฒนาโครงการที่เหมาะสมตามแนวทาง ZEHได้ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อวิจัยพัฒนาแนวทางการลดพลังงานภายในที่อยู่อาศัยให้เป็นตามไปเป้าหมาย ขณะนี้การวิจัยมีความคืบหน้าต่อเนื่องในการสร้างบ้านต้นแบบโดยการนำวัสดุชนิดต่างๆ
ที่มีประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานและการวางระบบการบริหารจัดการโครงการเพื่อให้สามารถลดการใช้พลังงานภายในโครงการและบ้านที่อยู่อาศัยจากผลวิจัยแบ่งผู้ที่ใช้ไฟฟ้าออกเป็น 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าสูงโดยบ้านพลังงานเป็นศูนย์ (Zero Energy House) ที่ติดโซลาร์
สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ 55% เมื่อเทียบบ้านทั่วไป 2.กลุ่มที่ใช้ไฟปานกลางบ้านพลังงานเป็นศูนย์ (Zero Energy House) ที่ติดโซลาร์ สามารถลดค่าไฟฟ้าได้70% เมื่อเทียบบ้านทั่วไป และ 3.กลุ่มที่ใช้ไฟน้อย บ้านพลังงานเป็นศูนย์ (ZeroEnergy House) ที่ติดโซลาร์ สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ 90% เมื่อเทียบบ้านทั่วไป
อย่างไรก็ดี ทางเสนาพร้อมเดินหน้าวิจัยและพัฒนาเพื่อลดภาระการใช้พลังงานให้กับลูกบ้านได้ตามเป้าที่วางไว้ “เราวางเป้าหมายการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืนโดยใช้หลักคิดว่าทุกอย่างเริ่มต้นจากบ้าน และเป็นสังคมที่เล็กที่สุดคือครอบครัว
ดังนั้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยจำเป็นต้องวางโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เกิด Eco System ใหม่เพื่อปลูกฝังให้คนทุกคนร่วมกันรักษ์โลกสู่เป้าหมายของคำว่าความยั่งยืน(SUSTAINABILITY) ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยเป้าหมายสำคัญของเสนาต้องคิดละเอียดกว่าและใส่ใจทุกขั้นตอนของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อมุ่งมั่งสู่ Net Zero Carbon Energy เพิ่มคุณภาพชีวิต และความยั่งยืนในทุกมิติของสังคม” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว