กองทรัสต์ WHART เคาะราคาเสนอขายสุดท้าย 9.60 บาท ดัน Yield แตะ 8.23% คาดการณ์ผลตอบแทน 0.79 บาท/หน่วย – เปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อ 13-15 และ 18 ธ.ค.นี้
กองทรัสต์ WHART ประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ที่ราคา 9.60 บาทต่อหน่วย ปลื้มผลตอบรับนักลงทุนดี สะท้อนความเชื่อมั่นในการเข้าลงทุนในกอง WHART ครั้งนี้ ระดมทุนเพื่อลงทุนในทรัพย์สินใหม่ 3 โครงการคุณภาพบนทำเลโลจิสติกส์โซนบางนา-ตราด และ EEC ด้วยมูลค่าเข้าลงทุนในทรัพย์สินไม่เกิน 3,566.49 ล้านบาท
คาดการณ์ผลตอบแทน (Dividend Yield) ระดับ 8.23% พร้อมตอกย้ำการเป็นผู้นำกองทรัสต์ประเภทอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ระบุ ประชาชนทั่วไป เตรียมจองซื้อได้ระหว่าง วันที่ 13-15 และ 18 ธ.ค.นี้
นายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท เปิดเผยว่า
สถานการณ์ลงทุนปัจจุบันถือว่าเป็นจังหวะและโอกาสในการลงทุนในกองทรัสต์ (REIT) เนื่องจาก ปัจจุบันมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะหยุดการขึ้นอัตราดอก เบี้ยนโยบายแล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในกอง REIT
โดยทางธนาคารมีความเห็นว่าสินทรัพย์ประเภทกอง REIT เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่แนะนำลงทุน ด้วยคุณสมบัติสินทรัพย์ที่มีโอกาสรับผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในกองทรัสต์ที่ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความมั่นคงจากรายได้ค่าเช่า และมีความต่อเนื่องและเติบโตของทรัพย์สินในระยะยาว
ด้าน นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHART กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทรัสต์ WHART เป็นผู้นำกองทรัสต์ในกลุ่มคลังสินค้าและอุตสาหกรรม มีศักยภาพในการเติบโตด้วยทรัพย์สินที่แข็งแกร่ง และเป็นกองทรัสต์ฯที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยมีมูลค่ากว่า 31,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 8 ธ.ค. 2566) สามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างสม่ำเสมอ มีเครดิตเรตติ้งที่ดี สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่มั่นคงของกองทรัสต์ สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน โดยกองทรัสต์ WHART ได้ประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วย แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เท่ากับ 0.79 บาทต่อหน่วย
สำหรับรอบประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2567 ตามที่ได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน ทั้งนี้ กองทรัสต์ WHART ได้มีกำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ที่ราคา 9.60 บาทต่อหน่วย สะท้อนผลตอบแทนปีแรกที่ 8.23%
หลังจากกองทรัสต์ WHART ได้เสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม ที่ได้รับสิทธิจองซื้อในระหว่างวันที่ 1,4 และวันที่ 6-8 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
โดยกองทรัสต์ WHART ได้มีกำหนดราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนที่ 9.60 บาทต่อหน่วย และจะเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อระหว่างวันที่ 13 -15 และวันที่ 18 ธ.ค. 2566 ผ่านธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท กล่าวว่า
จากที่เปิดเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม ปรากฏว่า กลุ่มผู้ถือหน่วยเดิมทั้งนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยได้เข้ามาใช้สิทธิในการจองซื้อเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากกองทรัสต์ WHART มีการดำเนินการที่ดีมาโดยตลอด แม้ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ก็ยังสามารถจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยได้อย่างสม่ำเสมอ และได้รับการจัดอันดับเครดิตเรทติ้งในระดับถึง A Stable จาก Tris Rating กอปรกับประมาณการณ์ผลตอบแทนในปีนี้สูงถึง 8.23%
โดยภายหลังจากการระดมทุนแล้วเสร็จ คาดว่ากองทรัสต์จะสามารถโอนสินทรัพย์ ได้ภายในปลายเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมแตะ 55,000 ล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.89 ล้านตารางเมตร พื้นที่เช่าหลังคา 487,243.29 ตารางเมตร โดยเป็นอาคารคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และอาคารโรงงาน ที่พัฒนาขึ้นตามความต้องการลูกค้าและแบบสำเร็จรูป
“การเข้าลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้เป็นอีกครั้งสำหรับการสร้างความมั่นคงให้กับกองทรัสต์ และการเติบโตทุกปีถือเป็นการกระจายความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแก่กองทรัสต์ในแต่ละปีด้วย โดยในไตรมาส 3/2566 กองทรัสต์ฯ มีรายได้รวม 840.72 ล้านบาท
และมีการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน (กำไรสุทธิ) เท่ากับ 644.52 ล้านบาทพร้อมจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยรอบผลการดำเนินวันที่ 1 ก.ค.-31 ต.ค. 2566 ในอัตรา 0.2590 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 12 ธันวาคม 2566” นายอนุวัฒน์ กล่าว
Post Views: 201