“วงษ์สยามก่อสร้าง” ปิลดีลขายหุ้นกู้ครั้งแรกสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน เร่งเครื่องเสริมแกร่งด้านเงิ นทุน ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจการให้ บริการด้านน้ำ แบบครบวงจรในประเทศไทย
บจก.วงษ์สยามก่อสร้าง หรือ VSK ปิดดีลการขายหุ้นกู้เป็นครั้ งแรก จำนวน 4 ชุด มูลค่ารวม 1,955.8 ล้านบาท นักลงทุน รายใหญ่ตอบรับเป็นอย่างดี ถือเป็นการลงทุนที่ให้ ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ
ผ่านกิจการที่มีความมั่นคง และมีศักยภาพในการเติบโต จากการเป็นผู้นำธุรกิจการให้บริ การด้านน้ำ แบบครบวงจรในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่ าง มั่นคงและยั่งยืนผ่าน 2 ธุรกิจหลัก เตรียมพร้อมสู่แผนการเข้ าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์แห่ งประเทศไทยในอนาคต
นายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด หรือ VSK ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจั ดการระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำและธุ รกิจก่อสร้างสาธารณูปโภคด้านน้ำ แบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ปิดการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2567 ซึ่งเป็ นการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้ งแรกของบริษัทฯ
โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระยะยาว ระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด มูลค่ารวม 1,955.8 ล้านบาท แบ่งเป็น หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอก เบี้ยคงที่ 3.25% หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.65% หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90% และหุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.15% กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้
ทั้งนี้ หุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายครั้งนี้ ได้การตอบรับจากนักลงทุนรายใหญ่ ที่ให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกู้ ของบริษัทฯ เป็นอย่างดี หลังเปิดให้จองซื้อในวันที่ 5-7 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา แสดงให้ถึงความเชื่อมั่นของนั กลงทุนที่มองหาการลงทุนในหุ้นกู้ ที่ให้ผลตอบแทนในระดับที่น่ าพอใจท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิ จที่อยู่ระหว่างฟื้นตัว
นอกจากนี้ การที่บริษัทฯ ได้รับจัดอันดับเครดิตเรตติ้งที่ “AAA(tha)” จากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นอันดับเครดิตสูงสุ ดสำหรับตราสารหนี้ที่ ออกในประเทศไทย การันตีถึงศักยภาพของผู้ค้ำ ประกันคือ Credit Guarantee and Investment Facility (CGIF)
ซึ่งเป็นกองทุน (Trust Fund) ของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่ งเอเชีย (Asian Development Bank หรือ ADB) มีสถานะทางการเงินและผู้ร่วมทุ นที่แข็งแกร่งมาก ขณะเดียวกัน ยังสะท้อนให้เห็นถึ งฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ VSK รวมถึงมีความเชื่อมั่นว่า บริษัทฯ จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่ นคงในฐานะผู้นำธุรกิจบริหารจั ดการระบบน้ำ แบบครบวงจรในประเทศไทย
บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้รั บจากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้เป็ นเงินทุนในการลงทุนและก่อสร้ างระบบท่อน้ำดิบในภาคตะวันออก อย่างไรก็ตาม การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็ นเพียงจุดเริ่มต้นสู่การขยายธุ รกิจเท่านั้น ในอนาคตบริษัทฯ มีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลั กทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่ นคงและยั่งยืน
“การออกหุ้นกู้เป็นครั้งแรกของ VSK ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากนักลงทุน ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึ งความสำเร็จ ตลอดจนความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้ นฐานธุรกิจบริหารจัดการระบบน้ำ ที่แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน ธุรกิจของบริษัทฯ มีโอกาสเติบโตอีกมาก สอดคล้องไปกับแนวโน้มการขยายตั วของอุตสาหกรรมการก่อสร้ างจากแรงหนุนการลงทุนขนาดใหญ่ ของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกั บ EEC ซึ่งจะกระตุ้นให้เอกชนเกิ ดการลงทุนในส่วนของนิคมอุ ตสาหกรรม ส่งผลให้เกิดความต้องการสาธารณู ปโภคด้านน้ำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย” นายอนุฤทธิ์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการ VSK กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่ างยั่งยืน โดยได้วางแผนการดำเนินธุรกิ จในอีก 1-3 ปีข้างหน้า ได้แก่ ธุรกิจบริหารจัดการน้ำ มีแผนการขยายการลงทุนเพื่อสร้ างการเติบโตในธุรกิจบริหารจั ดการน้ำตามสัมป ทานโครงการบริ หารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำ สายหลักในภาคตะวันออก จากกรมธนารักษ์ (พื้นที่ EEC)
ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ในจังหวั ดระยองและชลบุรี ทำให้สามารถขยายการจำหน่ายน้ำดิ บแก่ผู้ใช้น้ำอุปโภค-บริโภค เช่น การประปาส่วนภูมิภาค และผู้ใช้น้ำอุตสาหกรรม เช่น นิคมอุตสาหกรรมหรื อโรงงานในภาคตะวันออกในพื้นที่ EEC ที่มีแนวโน้มขยายตัวตามการลงทุ นของภาคเอกชนและการสนับสนุ นของภาครัฐ
ส่วนธุรกิจงานก่อสร้าง บริษัทฯ ยังคงรักษาการเติบโตโดยมุ่งเน้ นการเข้าร่วมประมูลงานในภาครั ฐอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้มีคุณสมบัติในการรับจ้ างงานก่อสร้าง ชั้นที่ 1 ของการประปาส่วนภูมิภาคและการรั บจ้างงานก่อสร้าง ชั้นที่ 1 (พิเศษ) ของกรมบัญชีกลางสาขางานชลประทาน
และในด้านการก่อสร้าง บริษัทฯ ยังได้รับการรับรองมาตรฐานคุ ณภาพ ISO 9001 : 2015 จึงมั่นใจได้ว่าการดำเนิ นงานของบริษัทจะมีคุ ณภาพและตรงตามมาตรฐาน โดยปัจจุบัน VSK มีมูลค่างานในมือ (Backlog) จากธุรกิจก่อสร้างสาธารณูปโภคด้ านน้ำ รวม 1,334 ล้านบาท โดยเป็นงานจากภาครัฐ 100%