KTAM กำหนดจ่ายปันผลและลดทุน กลุ่มกองทุนอสังหาฯ-อินฟราฯ Q4 ปี 67 พร้อมกันวันที่ 17 มี.ค.นี้
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTAM) เปิดเผยว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดการลงทุนไทยอาจจะมีการสะดุดไปบ้างเป็นครั้งคราวตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ
แต่เรายังคงมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2568 นี้ จะดีขึ้นจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจำนวนและรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงอานิสงส์จากมาตรการภาครัฐ
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสภาวะของตลาดทุนไทยที่เต็มไปด้วยความท้าทายในปีที่ผ่านมา เรายังคงสามารถสร้างผลงานได้ดี ซึ่งเป็นผลมาจากสินทรัพย์ของกองทุนภายใต้การบริหารของ KTAM ที่มีความแข็งแกร่งและมีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ
จึงได้กำหนดจ่ายปันผลและลดทุนสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2567 และกำไรสะสม พร้อมกัน 4 กองทุน ในวันที่ 17 มี.ค. 2568 รวมจำนวนกว่า 1,030 ล้านบาท แบ่งเป็น
กลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) ซึ่งลงทุนในสิทธิในผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้า ในสัดส่วนร้อยละ 62% ของรายได้ค่าไฟฟ้าจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของบริษัทผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด กับ กฟผ. และภายในกลุ่มน้ำตาลครบุรี
โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล โดยใช้กากอ้อยซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้จากการผลิตน้ำตาลเป็นเชื้อเพลิงหลัก สัญญาเข้าลงทุนของกองทุนมีระยะเวลาถึงปี 2582 จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะยาว มองหากระแสรายได้จากทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน
โดยกำหนดจ่ายปันผลครั้งที่ 18 ในอัตรา 0.0990 บาทต่อหน่วย และจ่ายลดทุนครั้งที่ 1 ในอัตรา 0.0300 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายปันผลและลดทุน จำนวน 0.1290 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายปันผลและลดทุนในปี 2567 เป็นจำนวน 0.8520 บาทต่อหน่วย
ลำดับถัดมาคือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ที่ลงทุนในสิทธิในรายได้ 45% ของรายได้ค่าผ่านทางสุทธิ ที่จัดเก็บได้จากโครงการทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี ซึ่งบริหารโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)
โดยสัญญาเข้าลงทุนของกองทุนจะสิ้นสุดปี 2591 กองทุนนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะยาว มองหาทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่มีโอกาสสร้างรายได้ตามการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้บริการทางพิเศษทั้งใน 2 เส้นทางนี้ และอัตราเงินเฟ้อ
โดยกำหนดจ่ายปันผลครั้งที่ 25 ในอัตรา 0.1189 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายปันผลในปี 2567 เป็นจำนวน 0.4582 บาทต่อหน่วย
และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGATIF) ซึ่งลงทุนในสิทธิในรายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1
โดยกำหนดจ่ายปันผลครั้งที่ 36 ในอัตรา 0.0862 บาทต่อหน่วย และจ่ายลดทุนครั้งที่ 16 ในอัตรา 0.1300 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายปันผลและลดทุน จำนวน 0.2162 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายปันผลและลดทุนในปี 2567 เป็นจำนวน 0.8296 บาทต่อหน่วย
สำหรับกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1 กองทุน นี้ ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท (TTLPF) ซึ่งลงทุนในสิทธิการเช่าของสิ่งปลูกสร้างบางส่วนในโครงการตลาดไท โดยกำหนดจ่ายปันผลครั้งที่ 57 ในอัตรา 0.0500 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายปันผลในปี 2567 เป็นจำนวน 2.1415 บาทต่อหน่วย
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ทุกวันทำการได้ที่ บลจ.กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ktam.co.th
ยักษ์ลงทุน https://www.yaklongtun.com/