EBC Financial Group ชูบทบาท AI พลิกโฉมการเทรดระดั
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรมการเงินทั่วโลก ด้วยความสามารถในกระบวนการตัดสินใจ เพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับกลยุทธ์การเทรดให้ล้ำหน้ากว่าเดิม
ท่ามกลางกระแสความก้าวหน้าของ AI รัฐบาลทั่วโลกต่างเร่งกำหนดแนวทางการกำกับดูแลเพื่อให้แน่ใจว่าการนำ AI มาใช้จะเกิดขึ้นอย่างรับผิดชอบ และควบคู่พร้อมกับการส่งเสริมนวัตกรรม
ซึ่ง EBC Financial Group (EBC) ติดตามแนวโน้มดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมวิเคราะห์บทบาทของ AI ในการเปลี่ยนแปลงการเทรด การเงิน และโบรกเกอร์ รวมถึงแนวทางที่ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า
บทบาทของ AI ในตลาดการเงินและการเทรดระดับโลก
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ปฏิวัติภาคการเงิน ด้วยการขับเคลื่อนการเทรดแบบ High Frequency Trading ซึ่งใช้อัลกอริทึมในการประเมินความเสี่ยง และวิเคราะห์ตลาดแบบเรียลไทม์ การใช้อัลกอริทึมเทรดที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล ค้นหารูปแบบแนวโน้มการซื้อขาย ตลอดจนดำเนินการคำสั่งซื้อขายภายในเสี้ยววินาที ซึ่งช่วยยกระดับประสิทธิภาพตลาด แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความท้าทายในรูปแบบอื่นๆ ตามมา
จากการเสวนาบนเวที World Economic Forum ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ากฎระเบียบเกี่ยวกับ AI ที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งด้านการค้าและส่งผลกระทบต่อธุรกรรมข้ามพรมแดน
ในขณะที่องค์การการค้าโลก (WTO) กำลังเร่งดำเนินการเพื่อประสานแนวทางกำกับดูแล AI ในสอดคล้องกันในทั่วโลก เพื่อลดความเสี่ยงจากข้อขัดแย้งด้านกฎระเบียบและผลกระทบทางเศรษฐกิจ (World Economic Forum, 2024)
นอกจากนี้ AI ยังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตลาด แม้ว่าเทคโนโลยีอัตโนมัติจะช่วยเสริมสภาพคล่องและลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ แต่ก็ยังมีความกังวลว่า AI อาจสร้างความผันผวนต่อตลาดในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตึงเครียด
สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า แม้ AI จะช่วยให้ตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็อาจส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายสูงขึ้นและความความผันผวนรุนแรงขึ้นในช่วงเศรษฐกิจตึงเครียดเช่นกัน (IMFBlog, 2024)
ท่ามกลางการหารือด้านกฎระเบียบของ AI ที่ดำเนินไป บรรดาผู้มีส่วนร่วมในตลาดร่วมถึงโบรกเกอร์ จำเป็นต้องปรับตัวให้สอดรับการแนวทางการกำกับดูแลที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ AI เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางอุตสาหกรรมการเงินในยุคใหม่
การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ของไทย
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นชาติที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผ่านการลงทุนในโครงการวิจัย การสนับสนุนสตาร์อัพด้าน AI และการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยี (Data Center)
โดยในปี 2024 รัฐบาลไทยได้ยกระดับความมุ่งมั่นด้านนวัตกรรม AI ผ่านการจัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อสนับสนุนการวิจัย ผ่านความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำและพันธมิตรภาคเอกชนหลายราย
รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตั้งเป้าที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจดิจิทัลให้มีสัดส่วน 30% ของ GDP ภายในปี 2030 โดยเน้นบูรณาการ AI เพื่อยกระดับภาคเกษตรกรรมและเพิ่มศักยภาพการส่งออกไปยังจีน (Reuters, 2024)
กลยุทธ์นี้ได้รับการสนับสนุนผ่านการลงทุนขนาดใหญ่จากบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก รวมถึง Google ที่เพิ่งประกาศลงทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 36,000 ล้านบาท) ในประเทศไทย โดยเม็ดเงินดังกล่าวจะถูกนำไปใช้สร้างศูนย์ข้อมูลแห่งแรกของ Google ในจังหวัดชลบุรี และขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์ของประเทศ (CNBC, 2024)
ขณะที่นโยบาย Thailand 4.0 และโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนา AI โดยเฉพาะในด้านการผลิตระบบอัตโนมัติ (Automation) การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) (The Atlas of Urban Tech)
ประเทศไทยกำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางของสตาร์ทอัพด้าน AI ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการบ่มเพาะธุรกิจ (Incubators) และตัวเร่งการเติบโต (Accelerators) ที่ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในหลากหลายสาขา เช่น ฟินเทค (Fintech) AI ด้านการแพทย์ และหุ่นยนต์
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA) กำลังเร่งผลักดันการวิจัยและพัฒนา AI อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ (Bangkok Post, 2025)
นอกจากนี้ อุทยานเทคโนโลยีและศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ กำลังกลายเป็นจุดหมายสำคัญที่ดึงดูดบริษัท AI ระดับนานาชาติที่ต้องการขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Bangkok Post, 2025) ด้วยสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม AI ประเทศไทยกำลังวางรากฐานเพื่อเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภูมิภาค
Grok AI: ปฏิวัติระบบวิเคราะห์ตลาดและบทบาทในประเทศไทย
Grok AI กำลังเปลี่ยนโฉมการซื้อขายด้วย AI โดยใช้เทคนิค Deep Learning ขั้นสูงในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์ Grok AI ยังสามารถวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ตรวจจับความผิดปกติ และพยากรณ์แนวโน้มด้วยความแม่นยำที่สูงขึ้น ทำให้แตกต่างจากเครื่องมือการซื้อขาย AI แบบเดิม (Finance Alliance, 2025)
ในขณะที่ตลาดการเงินพึ่งพาเทคโนโลยีอัตโนมัติมากขึ้น Grok AI กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิธีการซื้อขาย การประเมินความเสี่ยง และการพัฒนากลยุทธ์ทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม ระบบโอเพ่นซอร์สของ Grok AI ทำให้เกิดข้อถกเถียงทั้งในแง่ศักยภาพและความเสี่ยง แม้ว่าGrok AI จะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถปรับแต่งโมเดล AI ที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะด้านในการซื้อขายได้ แต่ก็ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการกำกับดูแลและจริยธรรมของการใช้ AI ในภาคการเงิน
ประเทศไทยกำลังก้าวไปสู่การบูรณาการ AI อย่างมีความรับผิดชอบ และมีแนวโน้มที่จะพัฒนากฎเกณฑ์เพื่อรับรองว่าการใช้ AI รวมถึง Grok AI จะช่วยเสริมเสถียรภาพทางการเงินและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Manushya, 2024) ด้วยทิศทางเชิงนโยบายที่ชัดเจน ประเทศไทยอาจกลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านกรอบการกำกับดูแล AI ทางการเงินในภูมิภาค
กลยุทธ์ AI ของไทย: สมดุลระหว่างนวัตกรรมและกฎระเบียบ
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของการกำกับดูแล AI อย่างเป็นระบบด้วยร่างกฎหมายสำคัญสองฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการประกอบธุรกิจที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ โดยกำหนดข้อบังคับที่เข้มงวดสำหรับ AI ที่มีความเสี่ยงสูง
เช่น การประเมินคะแนนเครดิตและการพยากรณ์อาชญากรรม พร้อมทั้งกำหนดให้ AI ที่มีความเสี่ยงต่ำต้องมีความโปร่งใส และ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและสนับสนุนนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมนวัตกรรม AI ผ่านแซนด์บ็อกซ์ทางกฎหมาย (Regulatory Sandbox) กลไกการแบ่งปันข้อมูล และมาตรฐานการรับรอง (Baker McKenzie, 2023)
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้เน้นย้ำบทบาทสำคัญของ AI ในการพัฒนาอุตสาหกรรมและการค้า โดยกล่าวในงาน Federation of Thai Industries Expo (FTI) ว่า
รัฐบาลมุ่งมั่นให้ AI เป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ และขณะเดียวกันก็ต้องใช้งานอย่างรับผิดชอบ (The Nation, 2025) ขณะเดียวกันสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) กำลังพัฒนา AI Roadmap สำหรับภาคการผลิต เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทยยังตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรม AI ในระดับภูมิภาค โดยทำงานร่วมกับ UNESCO เพื่อช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาสร้างหลักจริยธรรมในการใช้ AI ขณะเดียวกัน รัฐบาลกำลังขออนุมัติกรอบการกำกับดูแล AI สำหรับหน่วยงานภาครัฐ
โดยใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาด้านการเงิน ตามข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ด้วยแนวทางเชิงรุกนี้ ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นผู้นำด้าน AI อย่างสมดุล (Bangkok Post, 2024) ทั้งในแง่ของการพัฒนาเทคโนโลยีและการกำกับดูแลเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
มุมมองของ EBC Financial Group ต่อ AI ในการซื้อขายและอุตสาหกรรมการเงิน
EBC Financial Group ตระหนักถึงศักยภาพของ AI ในการเปลี่ยนแปลงการซื้อขายทางการเงิน ในฐานะเครื่องมือที่ช่วยให้การดำเนินการซื้อขายรวดเร็วขึ้น การบริหารความเสี่ยงมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
เดวิด บาร์เร็ตต์ (David Barrett) ซีอีโอของ EBC Financial Group (UK) Ltd. ได้กล่าวถึงบทบาทของ AI ว่า “ภาคเทคโนโลยีกำลังเร่งแข่งขันในยุค AI ด้วยการลงทุนอย่างหนักในศูนย์ข้อมูล บุคลากร และเทคโนโลยีชิปขั้นสูง”
พร้อมเน้นย้ำว่า AI ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำไปใช้ในตลาดการเงิน ซึ่งเป็นช่วงของการเติบโตมากกว่าการพลิกโฉมแบบฉับพลัน EBC Financial Group เชื่อว่าด้วยการพัฒนา AI อย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมการเงินจะสามารถปรับตัวและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการให้บริการลูกค้า และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก
ผลกระทบของ AI ต่อเทคโนโลยี การเงิน และโบรกเกอร์
นอกเหนือจากการซื้อขายหลักทรัพย์แล้ว AI ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อบริการทางการเงินและการดำเนินงานของโบรกเกอร์ โดยเฉพาะในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า การตรวจจับการทุจริต และการติดตามการปฏิบัติตามกฎระเบียบแบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ท่ามกลางกรอบนโยบาย AI ของไทย ที่กำลังพัฒนา ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับสถาบันการเงินและภาคธุรกิจในการสร้างนวัตกรรม ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามหลักจริยธรรมและกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยของข้อมูล ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ และความโปร่งใสของอัลกอริทึม เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ด้วยแนวทางการพัฒนา AI ที่ชัดเจนและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ประเทศไทยกำลังก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นสำคัญในเวที AI ระดับโลก ในขณะที่ข้อกำหนดด้านกฎระเบียบมีความชัดเจนขึ้น บรรดาโบรกเกอร์ทางการเงิน รวมถึง EBC Financial Group จะได้รับประโยชน์จากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจาก AI พร้อมกับรักษามาตรฐานการกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง
กลยุทธ์และโอกาสต่อ AI ของไทยในอนาคต
ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะใช้โอกาสการพัฒนาด้าน AI สู่การขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในภูมิภาค ผ่านการสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและกรอบระเบียบข้อบังคับ ประเทศไทย กำลังสร้างสภาพแวดล้อมที่ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ในขณะเดียวกันก็รับรองการใช้ AI อย่างรับผิดชอบ การมุ่งสู่อนาคตของ AI ถือเป็นโอกาสที่สำคัญที่ประเทศไทยสามารถใช้เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาในหลายอุตสาหกรรม พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในด้านการกำกับดูแลและความโปร่งใสในการใช้งาน AI อย่างยั่งยืน
ยักษ์ลงทุน https://www.yaklongtun.com/